จากกรณีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่าง 2 โรงน้ำแข็ง คือ โรงน้ำแข็งอโยธยา และโรงน้ำแข็งพันล้าน ซึ่งมีการใช้อาวุธปืนไล่ยิงถล่มกันไปมา สร้างความหวาดผวาให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ ภายหลังตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด 13 คน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางเอ (นามสมมุติ) แม่ค้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.พระนครศรีธยุธยา ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรงน้ำแข็งพันล้านว่า โรงน้ำแข็งแห่งนี้มาเปิดตลาดด้วยการใช้ขบวนรถกระบะส่งน้ำแข็งหลายคัน ทั้งยังรถยนต์ขับนำหน้า เอาถังน้ำแข็งลงให้ร้านค้าทุกร้านแบบฟรี พร้อมกับเสนอลงน้ำแข็งให้ฟรี 1 เดือนก่อน หลังจาก 1 เดือน จะรับน้ำแข็งหรือไม่รับไม่เป็นไร

นางเอ กล่าวต่อไปด้วยว่า ตนเองปฏิเสธทันที เพราะมีโรงน้ำแข็งที่ส่งกับตนเป็นเจ้าประจำมาหลาย 10 ปีแล้ว แต่ทางโรงน้ำแข็งพันล้านก็ยังให้รับไว้ก่อน อ้างว่าจะลงน้ำแข็งให้ฟรีทุกวันด้วย จนสุดท้ายต้องเอาถังน้ำแข็งไปเก็บไว้หลังร้าน แต่ทางโรงน้ำแข็งพันล้านก็ยังลงน้ำแข็งในถังน้ำแข็งของเจ้าประจำที่ตนเองสั่งไว้แทน ทำให้รู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก เรื่องที่เกิดขึ้นมา หลายร้านค้าที่โดนลักษณะเดียวกับตน บางร้านปฏิเสธไม่รับ บางร้านก็รับเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้สั่งน้ำแข็งเพิ่มแต่อย่างใด หลายร้านมีเจ้าประจำของตัวเองและไม่อยากให้เกิดปัญหา

นางเอ ยังระบุด้วยว่า ทางโรงน้ำแข็งพันล้านได้ให้นามบัตรเอาไว้พิจารณา รวมทั้งนำไปอ้างกับโรงน้ำแข็งเจ้าประจำ หากเกิดมีปัญหา ทั้งนี้ในนามบัตรดังกล่าว มีเบอร์โทรศัพท์ของโรงน้ำแข็ง ที่ขายน้ำแข็งทั้งราคาปลีก และราคาส่ง พร้อมข้อความหากพบปัญหาให้แจ้งไปยัง นาย XXX นามสกุล XXX ซึ่งอ้างว่าเป็นคณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมท้ายข้อความ ก้อนใหญ่ยาว สะอาดส่งตลอด 24 ชม.

ด้าน พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการตรวจค้นโรงงานน้ำแข็งทั้ง 2 แห่ง รวมถึงผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ และกลุ่มผู้ต้องหารวม 14 จุด ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย การสอบสวนสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ยังไม่พบการกระทำความผิดกฎหมายเพิ่มเติมของผู้ต้องหาหรือผู้อื่น โดยทาง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุด ในการดูเรื่องการสอบสวน เพื่อพิจารณาการตั้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนที่จะสรุปสำนวนส่งอัยการจังหวัด ในส่วนที่ ผบช.ภาค 1 สั่งการให้ตรวจสอบว่า ทางกลุ่มผู้ต้องหา มีการรวมกลุ่มรวมแก๊ง ลักษณะอั้งยี่ซ่องโจรหรือไม่ หากพบก็ต้องตั้งข้อกล่าวหาทันที

ส่วนที่มีการแจกนามบัตรของโรงงน้ำแข็งที่ระบุว่า เป็นคณะทำงานที่ปรึกษาของรัฐมนตรี ไม่ได้กดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด เราสืบสวน สอบสวน พยานหลักฐาน เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ พร้อมกับการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว ส่วนเรื่องความขัดแย้งทั้งโรงน้ำแข็ง จากข้อมูลขณะนี้ ทั้งสองโรงน้ำแข็ง ลดบทบาท ท่าทีเรื่องของการทะเลาะวิวาทกันไปเยอะแล้ว ส่วนจะมีคนกลางที่ไปพูดคุย แล้วหรือยังส่วนตัวไม่ทราบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทาง สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังนายอำเภอพระนครศรีอยุธยา ถึงพฤติกรรม และการดำเนินคดีกับทาง กำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่อ้างว่าใช้อาวุธปืนเข้าไประงับเหตุ พร้อมกับทำหนังสือแจ้งไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงความขัดแย้งของ 2 โรงน้ำแข็งเพื่อหาข้อยุติแล้ว