เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่กระทรวงคมนาคม นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้ประชุมติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเกิดอุบัติเหตุคานสะพานกลับรถร่วงหล่นบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ตอน สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน-นาโคก ที่ กม.34+000 บริเวณสะพานกลับใกล้โรงพยาบาลวิภาราม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อสืบหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งมีนายเอนก ศิริพานิชกร เป็นประธาน ได้รายงานว่า มีการลงพื้นที่เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม อาทิ การตรวจสอบแบบ Visual Inspection การตรวจสอบความสมบูรณ์แข็งแรงของโครงสร้างสะพานส่วนที่เหลือ หลังจากที่ยกคานลงแล้ว ด้วยวิธี 3D Scanner

นายพิศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้ตรวจสอบขนาดของเสา และปริมาณเหล็กโดย Ferro Scan และ Rebound Hammer ซึ่งได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า โครงสร้างคานสะพาน และระบบพื้นบนคานสะพานช่วงระหว่างเสา ยังมีความมั่นคงแข็งแรง และไม่มีแนวโน้มว่าจะเกิดการวิบัติ หรือเสียเสถียรภาพ ซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้สัญจรไปมาในขณะนี้ และจะสร้างความมั่นใจในการใช้สะพานกลับรถ ด้วยการทดสอบการรับน้ำหนักบรรทุกของสะพานที่บูรณะแล้วเสร็จต่อไป

นายพิศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดที่กรมทางหลวง (ทล.) ตั้งขึ้น ซึ่งมีนายนรินทร์ ศรีสมพันธุ์ วิศวกรใหญ่ด้านควบคุมการก่อสร้าง เป็นประธานนั้น ได้รับรายงานว่า มีการจัดประชุม และลงพื้นที่ตรวจสอบรายละเอียดที่เกิดขึ้นแล้ว โดยได้เรียกผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการซ่อมแซมปรับปรุงสะพานกลับรถดังกล่าวมาให้ข้อมูล ขั้นตอนการทำงาน การควบคุมงานก่อสร้าง พร้อมรวบรวมเอกสาร และพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปสาเหตุของการเกิดเหตุที่แน่ชัด โดยหลังจากนี้ ทล. จะหารือร่วมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และสภาวิศวกร เพื่อหาแนวทางในการดำเนินงานบูรณะสะพานกลับรถตัวนี้ เพื่อลดผลกระทบด้านการจราจร และเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนผู้ใช้ทางต่อไป

นายพิศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ทล. ยังได้รายงานผลการเยียวยาผู้ประสบเหตุ และครอบครัวผู้เสียชีวิต รวมถึงการดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ที่ประสบเหตุทั้งหมด และหลังจากได้ข้อสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมเอกสารหลักฐานทั้งหมดจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงคมนาคม และ ทล.แล้ว จะรายงานต่อ รมว.คมนาคม ให้ทราบโดยเร็ว คาดว่าไม่เกินวันที่ 25 ส.ค.65 ซึ่งเบื้องต้นพบว่าเป็นความผิดพลาดในการปฏิบัติงานของ ทล. และเกิดจากความประมาทของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัย เพื่อลงโทษต่อไป ขอยืนยันว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะดำเนินการด้วยความโปร่งใส ไม่มีการแทรกแซงใดๆ.