เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานตั้งแต่ช่วงเช้า ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่งแรงงานนำโดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานสหภาพพันธมิตรแรงงานประชาธิปไตย, แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เดินทางมาทวงสัญญาค่าจ้างขั้นต่ำ 425 บาท ซึ่งได้ยื่นหนังสือไปนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากทางรัฐบาล พร้อมกันนี้ได้ชูป้ายขับไล่พลเอกประยุทธ์ ที่ครบวาระ 8 ปี ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ได้มีการปราศรัยโจมตีการทำงานของทางรัฐบาลที่อยู่มา 8 ปี มีแต่ทำให้ประชาชนแตกแยก ข้าวของมีราคาที่แพงขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนต่ำลง นอกจากนี้ยังขอไม่ให้สืบทอดอำนาจอีกต่อไป

โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จำนวน 20 นาย ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าตู้คอนเทเนอร์ โดยมีแผงรั้วเหล็กกั้นอีกชั้นหนึ่ง

ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มแรงงานนำโดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานสหภาพพันธมิตรแรงงานประชาธิปไตย, แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ได้อ่านแถลงการณ์ โดยมีใจความว่า การที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถบริหารจัดการทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยเฉพาะการปรับค่าจ้างขั้นต่ำที่ถูกละเลยมาเป็นเวลา 8 ปีเต็ม ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้วต้องได้รับการปรับตามอัตราเงินเฟ้อควบคู่กับการอ้างอิงสิทธิมนุษยชนและความเป็นธรรมกับแรงงาน แต่กลับมีการแถลงข่าวให้ประชาชนไปศึกษาธรรมะ “อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” แทน จึงเป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลนี้ไม่มีความสนใจใดๆ ที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบทุกข์สุขของประชาชนแม้แต่นิดเดียวมากกว่านั้น รัฐบาลประยุทธ์ได้ปล่อยให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นเป็นรายวัน

ทำให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนทำงานทั้งในและนอกระบบได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาค่าน้ำมันแพง ค่าไฟฟ้าแพง เป็นราคาสูงที่สุดในประวัติการณ์ จึงส่งผลทำให้ราคาสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคได้ทยอยปรับขึ้นตาม ไม่สอดคล้องกับค่าแรงและรายได้ของประชาชนทั่วไปในปัจจุบันแม้แต่น้อย นับเป็นการสร้างเศรษฐกิจที่เกรงใจนายทุนใหญ่ แต่ทอดทิ้งคนธรรมดา แม้พวกเราจะเป็นคนส่วนใหญ่ของสังคมนี้ ผู้ดำเนินการผลิตสินค้าและบริการทั้งหมดก็ตาม

ในวงกว้างแล้วปรากฏการณ์ดังกล่าวจึงเกิดผลกระทบต่อบริษัท ห้างร้าน รวมถึงโรงงานหลาย ๆ โรงงานที่ต้องปิดตัวลง ส่งผลให้มีคนตกงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทบไปถึงความเป็นอยู่ของครอบครัวคนงานแบบเป็นลูกโซ่ หลายครอบครัวต้องดิ้นรนหนีไปตายเอาดาบหน้าตามถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน แต่กระนั้นก็เป็นการกลับไปแบกรับภาระเหล่านี้อยู่ดี เพราะพิษเศรษฐกิจครั้งนี้ คุกคามทุกภาคส่วนประเทศ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งมาจนครบ 8 ปีแล้ว ตามประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ลงมติเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมาหลังการทำรัฐประหารยึดอำนาจ ระหว่างเวลานี้ได้บริหารประเทศให้ประชาชนอดอยากปากแห้ง ข้าวของแพงค่าแรงถูกกด รวมถึงล้มเหลวทางประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง เลือกใช้กฎหมายเยี่ยงเผด็จการ ผู้คนก่นด่าขับไล่ จึงไม่มีสาเหตุใดใดที่ควรจะดำรงตำแหน่งต่อไป

วันนี้พวกเรากลุ่มสหภาพแรงงานและพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารประเทศของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเดินทางมายื่นข้อเสนอทั้งหมดสามข้อด้วยกัน โดย 1. ให้ทำตามสัญญาหาเสียงของพรรค พปชร. ที่ให้ไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2562 โดยให้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 425 บาท ต่อวันเท่ากันทั่วประเทศและให้ประกาศใช้ภายในเดือนตุลาคมปี 2565 รวมถึงให้ปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 492 บาท ต่อวันเท่ากันทั่วประเทศในเดือนมกราคมปี 2566 2. ให้ลดค่าน้ำมันทุกชนิดลง 6 บาทต่อลิตร ลดค่าสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าครองชีพให้กับประชาชน

และ 3. ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2565

เมื่อเวลา 14.00 น.สำหรับบรรยากาศบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนนำตู้คอนเทนเนอร์ลักษณะวางซ้อนกัน 2 ชั้นพร้อมด้วยรั้วเหล็กมาปิดกั้นบนสะพานชมัยมรุเชฐ ฝั่งแยกพณิชยการ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนยืนตรึงกำลังอยู่บนสะพาน เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะรวมตัวเดินขบวนมุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาลในช่วงเย็นนี้ นอกจากนี้ยังมีการเตรียมรถน้ำจีโน่ จำนวน 2 คันจอดอยู่ด้านข้างทำเนียบเพื่อไว้ควบคุมสถานการณ์หากเกิดความรุนแรงอีกด้วย