เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักแห่งหนึ่งในซอยรามอินทรา 13 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ หลังเพจเฟซบุ๊ก “Survive-สายไหมต้องรอด” ได้รับการร้องเรียนจากพลเมืองดีว่ามีลูกทำร้ายร่างกายทุบตีคนเป็นแม่ ส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาจากบ้านพักดังกล่าว สร้างความหดหู่ใจให้กับคนในพื้นที่เป็นอย่างยิ่ง จึงอัดคลิปวิดีโอส่งให้เพจสายไหมต้องรอด จากนั้นทางเพจได้เผยแพร่วิดีโอ ซึ่งปรากฏเป็นเสียงของหญิงสาวรายหนึ่งดังมาจากภายในบ้าน โดยไม่เห็นตัวบุคคล แต่เป็นเสียงที่มีการด่าทออีกคนในบ้านดังสนั่น และคล้ายเสียงพังข้าวของ เบื้องต้นเพจสายไหมต้องรอดได้รับทราบข้อมูลว่า ภายในบ้านพักดังกล่าวมีลูกสาววัย 70 ปี อาศัยอยู่กับแม่วัย 90 ปี และลูกสาวได้มีการทุบตีแม่นานแรมปี จึงประสานตำรวจ สน.บางเขน และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เขตบางเขน ร่วมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ทั้งนี้เมื่อลงพื้นที่ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายเอ (นามสมมุติ) เพื่อนบ้านใกล้เคียง เบื้องต้นเปิดเผยว่า คุณยายวัย 94 ปี มีบุตรทั้งหมด 5 คน ทั้งหมดหมุนเวียนกันซื้อของเข้ามาให้ สนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนลูกสาวคนโตจะเป็นคนอาศัยอยู่ด้วยมีหน้าที่คอดูแล และที่ผ่านมา ลูกคนอื่นๆ พยายามสอบถามคุณยายตลอดว่าจะไปอยู่ด้วยหรือไม่ แต่คุณยายยืนยันว่าจะอยู่ที่บ้านหลังนี้ อย่างไรก็ตามตนพักอาศัยอยู่ใกล้บ้านเกิดเหตุมานาน ได้รับรู้ว่าลูกสาวคนโตที่ อายุ 74 ปี มีพฤติกรรมด่าทอแม่ด้วยคำหยาบคายทุกเช้า-เย็น มีเสียงเอะอะโวยวายต่อเนื่องมาตลอด 5 ปี จนถึงปัจจุบัน บางวันได้ยินเหมือนเสียงทุบตีออกมาจากบ้าน และที่มองว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย เนื่องจากพอสิ้นสุดเสียงทุบตี คนเป็นแม่ก็ร้องโหยหวน หลายคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ชินกับเสียงด่าทอที่ดังสนั่น เพราะใครเข้าไปยุ่งหรือเข้าไปพยายามพูดคุย ลูกคนโตก็โต้กลับมาด้วยความโผงผาง

นางบี เพื่อนบ้านอีกคน เปิดเผยว่า ปกติคุณยายเคยเดินได้ปกติ ซึ่งปีที่แล้วแกเคยเดินออกมาตามลูกสาวเพราะแกอยู่ในบ้านคนเดียวเหงา รวมทั้งค่อนข้างเป็นคนขี้ระแวง พอแกออกมาเดินตามลูกสาวคนนี้กลับบ้าน ลูกสาวก็ตะคอกว่า “จะมาทำไม บอกให้อยู่บ้าน” และทุบตีแม่ต่อหน้าคนอื่นๆ ด้วย จนเมื่อ 5-6 เดือนที่แล้ว คุณยายเริ่มเดินไม่ไหว เนื่องด้วยความชรา จึงต้องอยู่แต่ในบ้าน บางครั้งตนทำกิจวัตรอยู่ชั้น 3 ของบ้าน ยังได้ยินเสียงด่าทอ เอะอะโวยวายของลูกสาวว่าไม่อยากเปลี่ยนแพมเพิร์สบ้าง บ่นเหนื่อยที่จะต้องเลี้ยงดูบ้าง แต่ทุกครั้งที่ลูกสาวคนด่าทอ คนเป็นแม่ไม่เคยโต้กลับหรือตัดพ้อเลย เพราะยายรักและห่วงลูกสาวคนนี้มากจนไม่ยอมย้ายไปอยู่ที่อื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังจากนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหม และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เขตบางเขน เข้าตรวจสอบพูดคุยกับคุณยาย ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากที่พูดคุย ทราบว่าบุตรสาวคนโตรับหน้าที่จากบุตรอีก 4 คนที่เหลือให้ดูแลแม่ เนื่องจากเป็นคนเดียวที่ไม่มีครอบครัว ส่วนบุตรคนอื่นที่เหลือก็จะสนับสนุนเรื่องค่าดูแลเดือนละหมื่นกว่าบาท และจากการพูดคุยลูกสาวยายก็ยอมจำนนด้วยหลักฐาน รับสารภาพว่าทำร้ายแม่เกือบทุกวันจริง อ้างว่าเหน็ดเหนื่อย เครียดที่ต้องดูแลแม่เพียงลำพัง และจากการที่สังเกตไปตามร่างกายคุณยาย พบว่า มีร่องรอยฟกช้ำหลายแห่งทั้งใหม่และเก่าจากการถูกทำร้ายมาเป็นเวลานาน และคุณยายมีท่าทีหวาดระแวงลูกสาวจนไม่กล้าพูดความจริงให้บุตรคนอื่นๆ รับรู้ ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา บุตรคนอื่นๆ ในครอบครัว ไม่คาดคิดว่าพี่สาวคนโตจะทำร้ายแม่ขนาดนี้ เนื่องจากเคยมีชาวบ้านมาบอกแต่ก็ไม่เชื่อ พอไปถามคาดคั้น พี่สาวคนโตก็ปฏิเสธทุกครั้งว่าไม่ได้ทำร้ายแม่ และแม่ก็ไม่เคยปริปากพูด คาดว่าหวาดกลัว

นายเอกภพ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามทางครอบครัวและลูกๆ ของคุณยายได้ขอโอกาสให้ลูกสาวคนโตปรับปรุงพฤติกรรมครั้งหนึ่ง โดยหลังจากวันนี้ไปมีการประสานเจ้าหน้าที่ พม. ให้ช่วยจัดหาพี่เลี้ยงมาดูแลคุณยายและจะติดตั้งกล้องวงจรปิดในบ้าน 24 ชั่วโมง ถ้าหากพี่สาวคนโตยังมีพฤติกรรมเช่นเดิม ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากถือว่ามีความผิดทำร้ายบุพการี โดยทางกลุ่มสายไหมต้องรอด มีหลักฐานอย่างชัดเจน และไม่อยากให้มีการยอมความหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก