เมื่อวันที่ 12 ก.ย. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี​ พาผู้เสียหาย 2 เคส 1.หญิงไทย อายุ 16 ปี ถูกหลอกบังคับค้าประเวณีที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา 2.ผู้เสียหายคนไทย 7 คน ถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศฟิลิปปินส์ ถูกแก๊งคนจีนทารุณกรรม บังคับให้หลอกคนไทยลงทุนบิตคอยน์ พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานการสนทนาหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อพูดคุยกับเอเย่นต์ที่หลอกไปทำงาน เข้าพบ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็กสตรีครอบครัวป้องการปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง (สพดส.ตร.) เพื่อขอให้สอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดค้ามนุษย์ทั้งขบวนการ

นางปวีณา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ครอบครัวเหยื่อวัย 16 ปี ได้ร้องทุกข์เข้ามายังมูลนิธิปวีณาฯ หลังลูกสาวถูกหลอกให้ไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะและถูกบังคับให้ค้าประเวณี ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ทางมูลนิธิปวีณาฯ จึงพาครอบครัวผู้เสียหายไปร้องทุกข์ที่กรมการกงสุลฯ และประสาน พ.อ.ณรงค์ชัย เจริญชัย ผบ.ฉก.ร.14 ติดต่อกับทหารเมียนมาชุด TBC ที่ดูแลพื้นที่แม่สอดเมียวดี เข้าไปพาตัวออกมาจากร้านคาราโอเกะที่ถูกหลอกไปทำงานจนสามารถพาตัวเหยื่อกลับมายังประเทศไทยได้เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา

ส่วนกรณี 7 ผู้เสียหายถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศฟิลิปปินส์ ญาติเข้าขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ จึงได้ประสาน นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และนายนฤชัย นินนาท ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ช่วยเหลือและส่งกลับมาได้ ขณะที่บางคนให้ญาติโอนเงินนับแสนบาทไปไถ่ตัว เมื่อกลับมาได้ก็ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยพาแจ้งความและคุ้มครองความปลอดภัย

ด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้พาเหยื่อเขาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยได้รับหลักฐานโทรศัพท์มือถือที่เป็นข้อมูลสำคัญในการติดต่อกับเครือข่ายนี้ โดยเบื้องต้นมองว่าจะต้องสืบถึงตัวชาวไทยที่เป็นนกต่อในประเทศก่อนขยายผลไปหาเครือข่ายในต่างประเทศต่อไป โดยมองว่าหากไม่มีคนไทยที่หลอกคนไทยด้วยกันเองตั้งแต่แรกก็จะไม่มีคนถูกหลอกไปเป็นค้ามนุษย์ในลักษณะนี้