เรียกได้ว่ากำลังเป็นเรื่องราวที่สังคมพากันถกเถียงเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีเรื่องของชายหนุ่มได้ออกมาเรียกข้องขอให้เพจดังของจังหวัดเเห่งหนึ่ง ช่วยเเชร์เรื่องราวของตนเองให้โลกโซเชียลทราบ เพื่ออยากรู้ว่าทุกคนคิดเห็นอย่างไร

โดยหนุ่มคนนี้เล่าว่า “เหตุการณ์เมื่อคืน ผมกับพี่สาวไปเที่ยวที่นครนายก เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยคือแมวตบเข้าที่ตา ตอนแรกผมกับพี่สาวเห็นว่าเป็นเรื่องตลกขำ แต่แมวเขาไม่ได้ฉีดวัคซีนเลยต้องไปหาหมอ และผมเป็นคนปราจีน ที่ตัวเมืองนครนายกประกันขอผมเนี้ยที่เช็กแล้วใช้ได้ ผมเดินทางไปถึงโรงพยาบาลประมาณ 20.40 น. หน้าห้องฉุกเฉินไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ มีแต่ญาติคนไข้ประมาณ 10-20 คน คือเยอะพอสมควร ด้วยที่ตกใจตาเจ็บก็เลยรีบลงรถไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย และไม่รู้ว่าต้องลงทะเบียนอยู่ตรงไหนก็เดินเข้าไปให้ห้องฉุกเฉินเลย 

เหตุการณ์เริ่มที่ตรงนี้มีผู้ช่วยแพทย์ท่านหนึ่งอายุประมาณ 35-40 ปี ใส่ชุดสีม่วงตะโกน ถามผมที่เดินเข้ามา เป็นอะไรมาคะ แล้วแมสก์ไปไหนทำไมไม่ใส่แมสก์ ตอนแรกผมก็งงๆเลยตอบไปว่า อ่อพอดีแมวตบตาผมมาครับ แล้วเขาก็ตะคอกถามอีกแมสก์ไปไหนทำไมไม่ใส่แมสก์ ผมเลยตอบลืมไว้บนรถครับ แล้วเขาก็พูดว่า ชาวบ้านชาวเมืองเขาก็ใส่กันหมดแล้วทำไมไม่ใส่แมสก์มา ผมก็ยื่นนิ่งๆไปแป๊บนึง เขาก็ไปหยิบแมสก์มาให้ แล้วก็มีพยาบาลอีกท่านหนึ่งเดินเข้ามา ใส่ชุด ambulance เดินเข้ามาถามผมเป็นอะไร ผมเลยบอกว่าผมโดนแมวตบตามา เขาก็บอกว่าเดี๋ยวคนไข้ใส่แมสก์ก่อนนะ แล้วเขาก็ไปหาคนอื่นต่อ คนเดิมเขาก็ตะคอกถามผมอีกว่าแล้วลงทะเบียนมาหรือยัง ผมก็งงๆ แล้วตอบว่ายังครับ เขาก็เลยตอบว่าไปลงทะเบียนมาก่อนค่ะ พร้อมกับคำพูดเดิมอีกครั้ง ชาวบ้านชาวเมืองเค้าใส่แมสก์กันหมดไม่ใส่มา ผมก็เลยหูดับละโมโหมาก ผมตอบกับเขาไปว่า ขอโทษนะครับ ผมเป็นคนไข้นะ ช่วยพูดดีๆหน่อยได้ไหมครับ ผมคือโมโหมากพูดแบบนี้กับผม ซ้ำๆซากๆ น้ำเสียงที่พูดก็ไม่ดี คำพูดที่พูดกับคนไข้เนี้ยได้กลั่นกรองมาหรือป่าว ด้วยความที่ผมโมโหเนี้ย ผมก็ตะคอกกลับเหมือนกันว่า ถ้าโรงพยาบาลเอกชนอยู่ใกล้เนี่ย ผมคงไม่มาหรอ

อันนี้เป็นเหตุการณ์ที่ 2 ผมออกมาลงทะเบียน คุณที่เขาลงทะเบียนเนี้ย ไม่รู้นั่งกรอกข้อมูลหรืออะไรนะ ผมวางบัตรประจำตัวประชาชนไว้ให้แล้วก็ยืนรอประมาณ 1-2 นาที ไม่มองอะไรเลย จนผมต้องทำให้เกิดเสียงถึงจะเงยหน้าขึ้นมาดูแล้วก็เอาบัตรผมไป แล้วก็ถามปกติว่าเป็นอะไรมาที่นครนายก ผมก็ใจเย็นลง ก็ยืนรอเขาก็ถามอีกว่าเป็นคนปราจีนหรอสิทธิรักษาอยู่ปราจีนนะ ไม่ไปรักษาตามสิทธิ ผมนี้ขึ้นอีกแล้วอุบัติเหตุผมต้องกับไปรักษาโรงพยาบาลตามสิทธิเลยหรอ ผมก็พูดกับเขาไปตามนี้ เขาก็พูดมาอีกถ้ารักษาที่นี้ค่ารักษามันแพงนะ ผมนี้แบบโอเคพูดจาแบบนี้ไม่ทนละ ผมก็เลยบอกว่าถ้างั้นผมขอบัตรผมคืนผมจะไปรักษาที่อื่น เขาก็บอกไม่เป็นไรรักษาที่นี่ก็ได้ ผมก็เลยบอกเขาไปว่าไม่เป็นไรผมไม่โอเคตั้งแต่ในห้องฉุกเฉินละ เขาก็ไม่จบบอกไม่เป็นไรเดียวรักษาที่นี่แหละ แต่ผมไม่โอเคมากๆแล้วไง ผมไม่ต้องการอยู่ที่นี้แล้ว ผมต้องการออกจากที่นี่ เขาก็จะคะยั้นคะยอให้ผมบอกเบอร์โทรศัพท์ให้ได้ แต่ผมไม่ยอมจนสุดท้ายก็ต้องคืนบัตรให้ผม แล้วผมก็ต้องกลับไปเก็บของที่พัก แล้วเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนที่ประกันของผม cover ระยะทางก็ 70 กิโลจากที่เกิดเหตุ 

ผมฝากแอดมิดเพจ ตั้งคำถามถึงโรงพยาบาลหน่อยว่า 

  1. ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุ ต้องเจอกับผู้ช่วยแพทย์ที่ตะคอกด่าคนไข้แบบนี้หรอ
  2. ค่ารักษาพยาบาลเป็นสิทธิของใครที่จะตัดสินใจว่าจะรักษาหรือไม่ ตัวคนไข้หรือคนลงทะเบียน
  3. บุคลากรที่อยู่หน้าห้องฉุกเฉินไปไหนทำไมไม่มาคอยให้คำแนะนำ

อย่างผมมีทางเลือกที่จะไปที่อื่น แต่กับนักท่องเที่ยวท่านอื่น ที่เขาไม่ได้มีความพร้อมเท่าผม เขาก็จะต้องนั่งฟังเขาหรอครับ

ภายหลังต่อมาโพสต์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัล และถูกแชร์ไปมากมาย ล่าสุดมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ใจความว่า “พี่ขออนุญาต ชี้แจงนะคะ เพราะพี่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งในห้องฉุกเฉินและหน้าห้องเวชระเบียนนอกเวลาราชการ ขณะที่น้องคนนี้มาที่หน้าห้องฉุกเฉินในเวลานั้น มีเจ้าหน้าที่พยาบาลและแพทย์เวรได้ทำการช่วยชีวิตน้องผู้หญิงคนหนึ่ง กรณีเร่งด่วนเนื่องจากทะเลาะกับสามีน้องโดนกระทืบหน้าอก ในขณะที่แพทย์เวรและทีมพยาบาลได้ทำการตรวจอยู่นั้นคนไข้หยุดหายใจ ทางแพทย์เวรและทีมพยาบาลรีบทำการช่วยเหลือเพื่อช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่ในที่สุดเธอก็เสียชีวิต ญาติและคนไข้ทุกคนที่นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินทุกคนต่างลุ้นและเอาใจช่วยเธอ ทีมแพทย์และพยาบาลรีบทุกเสี้ยววินาที สัญญาณหน้าห้องฉุกเฉินเตือนตลอดเวลา ผู้ป่วยรายอื่นๆนั่งรอเป็นชั่วโมงถึงสองชั่วโมงเพราะเข้าใจว่าทุกเสี้ยววินาทีสำคัญมากกับคนไข้รายนี้ เพราะทุกคนเข้าใจว่าทีมแพทย์และพยาบาลไม่ได้เข้าเวรมาเพื่อรักษาเราหรือครอบครัวของเรา เหตุการณ์หน้าห้องเวชระเบียนนอกเวลาราชการ เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่คืนวันศุกร์ที่ 23 กันยายน อายุประมาณ 40 ถึง 50 ปี สิ่งที่ดิฉันได้ยินเจ้าหน้าที่สนทนากับคนไข้รายหนึ่ง เธอเรียบเฉยและไม่แสดงอาการตอบโต้ใดๆ หรือกล่าวถึงคนไข้รายนั้นหลังจากที่เดินจากเธอไป ดิฉันแค่อยากจะบอกว่าคืนวันศุกร์ที่ 23 กันยายน แพทย์เวรและทีมพยาบาลกำลังช่วยเหลือคนไข้ในกรณีเร่งด่วนจริงๆค่ะ”

อย่างไรก็ตามงานนี้กลับคดีพลิก ซึ่งโซเชียลแห่เข้าไปตำหนิชายหนุ่มทั้งเรื่องจากมาโรงพยาบาลแล้วไม่ใส่แมสก์ ทั้งที่เป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยง หรือเรื่องที่ไม่ลงทะเบียนก่อนเข้าห้องฉุกเฉิน ไม่ว่าอาการจะเบาหรือหนัก มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทราบดีอยู่แล้ว ไม่ใช่จะเดินเข้าไปห้องฉุกเฉิกได้เองเลย…