เมื่อวันที่ 26 ก.ย. น.ส.สุภาวดี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี หรือแอดมิน และนายพิพัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าของเพจดัง เดินทางมาพร้อมกับทีมงานเพจ รวม 3 คน พบ นายสามารถ สุวรรณมณี นายอำเภอเมืองอุดรธานี นายเกียรติพันธ์ พิบูลย์ ปลัดอำเภอเมืองอุดรธานี หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมเมืองอุดรธานี เพื่อชี้แจงกรณีเงินบริจาคที่นำไปมอบให้ 3 ฮีโร่ และผู้บาดเจ็บจากเหตุไฟดูด โดยมีสลิปการโอนของผู้ใหญ่ใจดี การแชตโต้ตอบระหว่างแอดมินกับผู้ใหญ่ใจดี และแอดมินกับฮีโร่ มาเป็นหลักฐาน โดยใช้เวลาชี้แจงและตอบข้อซักถาม 2 ชม.

น.ส.สุภาวดี เปิดเผยว่า เงินที่ผู้ใหญ่ใจบุญโอนมาให้ฮีโร่ เข้าบัญชีตนทั้งหมด โดยแจ้งเป็นข้อความในเพจว่า อยากให้เพจเป็นตัวกลางไปมอบให้น้อง ขอเลขที่บัญชี มีการโอนให้ หลักฐานมอบให้ศูนย์ดำรงธรรมไปหมดแล้ว ยอดที่มอบให้ทั้งหมด 30,000 บาท ได้แจกแจงและมอบให้เสร็จสิ้นไปหมดแล้ว มีหลักฐานการมอบทุกอย่าง ชี้แจงประเด็นมอบเงิน 15,000 บาท แต่เป็นซองเปล่า ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว นำไปมอบให้เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่โรงพยาบาล มีหลักฐานเป็นภาพวงจรปิดโรงพยาบาล วันที่ 19 ก.ย. มีประเด็นเงิน 5,000 บาท ที่ยืมไปเติมน้ำมัน วันที่ 20 ก.ย. น้องมาลงข่าวว่าไม่ได้รับเงิน 15,000 บาท ขอยืนยันว่ามอบให้น้องจริง โดยมีหลักฐานเป็นรูปถ่ายมอบซองเงิน

ส่วนวันที่ 19 ก.ย. ได้ไปมอบเงิน 5,000 บาท ให้น้องบาสที่บ้าน ซึ่งตนเดินทางไป 2 รอบ โดยรอบแรกไปรอน้องที่หน้าบ้าน แต่น้องยังไม่กลับมา ตนจึงกลับ พอน้องโทรฯ มาบอกว่าถึงบ้านแล้ว ก็ไปมอบซองเงิน 4,000 บาท และโอนให้ 1,000 บาท เพราะเอาเงินสดไปเติมน้ำมัน รวมเป็น 5,000 บาท ส่วนประเด็นน้องเอ๋ สาวหล่อ ได้โทรฯ นัดมอบเงินที่โรงพยาบาล น้องบอกว่าไม่เป็นไรช่วยเหลือกัน ตนคิดว่าน้องเอ๋ไม่อยากรับเงิน จึงแบ่งเงินมอบให้น้องเอ๋ 2,000 บาท และแบ่งให้น้องโซดา 3,000 บาท โดยเป็นความคิดของตนที่แบ่งเงิน เพราะความหวังดี ตอนนั้นสื่อทุกคนเล่นข่าวฮีโร่หมด ไม่มีใครเล่นข่าวคนเจ็บ ส่วนกรณีคุณยายน้องเรดิโอมาแจ้งว่าตนไปเรี่ยไร หลักฐานคือไม่มีใครให้ผู้บาดเจ็บ ตนเอาเงินส่วนตัวให้ด้วยซ้ำ

น.ส.สุภาวดี กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเรื่อง ผู้ใหญ่ใจดีที่โอนเงินบริจาคมา ทุกคนแชตมาให้กำลังใจ มีเพียงกระแสโซเชียลกับสื่อที่เอาไปลง ต้องเข้าใจครอบครัวด้วยว่า ชื่อนามสกุลจริงออกสื่อ มันเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศ ตนคงไม่โง่ที่จะเอาซองขาวเปล่าไปมอบ เพียงแต่ตนไม่มีโอกาสได้พูด วันแรกๆ ที่ไม่พูด เพราะตนอยู่เบื้องหลังมาตลอด ไม่เคยออกสื่อ ให้พูดชัดเจนก็คงไม่ได้ พอมาโดนกระแสสังคมแบบนี้ ก็ขอตั้งปณิธานว่า ต่อไปจะไม่ทำความดีแล้ว ทั้งแต่งหน้าศพ และช่วยงานศพ

ด้าน นายพิพัฒน์ เจ้าของเพจ กล่าวว่า คิดว่าเราบริสุทธิ์ทุกอย่าง เราไม่มีอะไร เราไม่ยอมรับในสิ่งที่ทุกๆ สื่อลงข่าว ยอดเงินบริจาคจริงๆ มีแค่ 30,000 บาท ตามที่เราให้การ หลายสำนักเอาไปลง 4 หมื่นกว่า 5 หมื่น ไม่ทราบเอามาจากไหน เข้าใจทุกคน ไม่โกรธ เพราะยังไม่ได้มาชี้แจง พอมาชี้แจง อยากขอร้องให้ทุกคนช่วยตรงนี้ด้วยขอความเป็นธรรม ยืนยันว่าเราไม่ได้เปิดรับบริจาค เขามีความประสงค์ให้เราส่งมอบเท่านั้น แต่เรากลับโดนกล่าวหาว่า เปิดรับบริจาคเพื่อช่วยฮีโร่ จริงๆ ไม่ได้เปิดรับเลย มีแค่ 3 เคส ไม่ใช่สี่ห้าหกเจ็ดอย่างที่เข้าใจกัน เงิน 3 หมื่นเคลียร์หมดแล้ว มีแอดมินองุ่นดำเนินการ โดนข่าวมาเยอะ หนักมาก เครียด เอาหัวเป็นกันเลยว่ายอดบริจาค 3 หมื่นบาทเท่านั้น

ขณะที่ นายสามารถ นอภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า วันนี้ได้เชิญแอดมินและผู้ควบคุมเพจ มาสอบข้อเท็จจริง ซึ่งการสอบไม่สามารถกำหนดเวลาได้ ต้องให้โอกาสจนกว่าจะยื่นเอกสารหลักฐาน แม้แต่คดีอาญาทุกคนถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ รัฐเป็นคนกลาง ที่จริงแล้วเรื่องนี้เกิดจากสิ่งดีๆ แต่เผอิญว่า ไปกระทำที่ไม่น่าจะทำอย่างนี้ พูดแบบไม่รู้ว่าใครถูกใครผิด แต่เมื่อเป็นอย่างนี้ เราต้องมองก่อน สมมุติว่าแอดมินมีเจตนาบริสุทธิ์ หลักฐานถูกต้อง ก็จะทำให้เสียกำลังใจ ส่วนที่น้องและแอดมินพูดไม่ตรงกับข้อมูลที่ได้รับ จึงต้องสอบให้สบายใจทุกฝ่าย ทำให้กำหนดเวลาไม่ได้ ถ้ายังมีหลักฐานที่จะแสดงเพิ่มเติม ก็ต้องให้โอกาส ต้องฟัง จนกว่าจะหมดข้อมูลที่จะให้ เปิดโอกาสให้แต่ห้ามทั่งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน

นายสามารถ กล่าวต่อว่า ตามหลัก พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ.2487 เป็นกฎหมายที่มีมานานไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมเลย ซึ่งตอนนั้นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ยังไม่มี การขอรับบริจาคเรี่ยไร จะต้องมายื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่คือฝ่ายปกครอง ซึ่งจะดูว่าเข้าองค์ประกอบหรือไม่ ระบุวันเวลาการเรี่ยไรไว้ กฎหมายจะว่าไว้แค่นั้น คราวนี้มีข้อเท็จจริงใหม่คือการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์คเกิดขึ้น ต้องมาตรวจสอบอีกว่ามันเข้าองค์ประกอบหรือไม่ กำลังหารืออัยการในประเด็นข้อกฎหมาย ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐ เพื่อป้องกันความผิดพลาด ในขณะเดียวกัน จะต้องดูว่ามีกฎหมายอะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นการเปิดเรี่ยไรไม่สามารถเปิดยาวนาน หรือไม่มีจุดจบ ต้องมีเวลาที่ชัดเจน และวัตถุประสงค์สำคัญที่สุด เพื่อความโปร่งใส มีวัตถุประสงค์อะไร ที่เข้ามาในท้องที่กี่วันต้องระบุ หากจะไปเรี่ยไรท้องที่อื่นก็จะต้องไปขออนุญาตท้องที่นั้น