เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ในการพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์อดีตตำรวจก่อโศกนาฏกรรมกราดยิงผู้บริสุทธิ์ใน จ.หนองบัวลำภู นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดเทพมงคลพิชัย ต.หนองด่าน อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู หนึ่งในสถานที่บำเพ็ญกุศลศพพระราชทาน 6 ศพ จาก 37 ศพ ที่เสียชีวิต ก่อนพิธีการได้มีการบำเพ็ญกุศล พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจากหลายหน่วยงาน และจากประชาชนทั่วไป ให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต และได้มีทอดผ้าไตรของญาติผู้เสียชีวิต โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปริณายก ได้โปรดประทานผ้าไตรมาและกัปปิยภัณฑ์ ให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคนในครั้งนี้ รายละ 20,000 บาท
 

ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.อ.ต.สุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง ได้เดินทางถึงวัด และได้เข้าพูดปลอบใจกับญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ศพ หลังจากนั้น ก็ได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงครัวพระราชทาน และรถปรุงอาหารสดของโรงครัวพระราชทาน และพบปะกับญาติ ๆ และประชาชนที่มาร่วมงานศพ แล้วรอรับไฟพระฤกษ์
 

ในเวลา 15.00 น. ไฟพระฤกษ์ก็มาถึงวัด และในเวลา 15.30 น. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพในพระบรมราชานุเคราะห์ ได้เดินทางมาถึงวัดเทพมงคลพิชัย หลังจากที่ได้เดินทางมาถึง ก็ได้มอบเงินให้แก่ญาติทั้ง 6 ศพ จากนั้นก็เข้าพิธีการพระราชทานเพลิงศพ และทำการเผาจริงที่วัดนี้เพียง 3 ศพ ส่วนอีก 3 ศพ ญาติขอนำไปประกอบพิธีที่วัดในหมู่บ้าน ต.กุดแห่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู

ขณะเดียวกัน รถของมูลนิธิร่วมใจสงเคราะห์ อ.นากลาง 2 คัน ได้เข้ามานำหีบบรรจุศพของ นางคำพันธ์ จันทะกูล ภรรยาผู้ก่อเหตุ และลูกเลี้ยงผู้ก่อเหตุ เดินทางไปยังบ้านโนนม่วง โนนไหม ต.โนเมือง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพแรกในการเผาด้วยเตาไฟฟ้าเคลื่อนที่ของวัดศรีอุทัย คือ ด.ช.นันท์ภัส ส่งเสริม หรือน้องแสตมป์ เคลื่อนย้ายจากศาลาพิธี เวลา 16.15 น. เปิดโอกาสให้ญาติได้ดูหน้าภายในเตาเผา ก่อนที่จะเริ่มเผาในเวลา 16.54 น. โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถึงจะสามารถนำอัฐิไปบำเพ็ญกุศลได้

ส่วนที่วัดราษฎร์สามัคคี ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง อีกจุดประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพในพระบรมราชานุเคราะห์ 19 ศพ ปกคลุมไปด้วยความโศกเศร้าและหยาดน้ำตาของบรรดาญาติผู้วายชนม์ ที่มาปักหลักเฝ้ารอร่วมพิธีตลอดวัน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดงาน ได้เริ่มลำเลียงศพในพระบรมราชานุเคราะห์ ออกจากศาลาที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศล เมื่อเวลา 17.30 น. เพื่อมาตั้งไว้รอฤกษ์จุดเพลิงที่เชิงตะกอนชั่วคราว

ทั้งนี้ หีบศพในพระบรมราชานุเคราะห์ที่เจ้าหน้าที่ลำเลียงมาคือ ศพนางสาวสุภาพร ประมงมุข ครูศูนย์เด็ก พร้อมน้องซีวิค บุตรชายอายุ 8 เดือน ที่ผ่าคลอดออกมา ขณะที่ศพอื่น ๆ ที่ถูกเจ้าหน้าที่หามลำเลียงมาตั้งบนเชิงตะกอนตามลำดับ ตามลำดับดังนี้ ด.ช.ภัทราวุธ ปัดโคทานัง ด.ช.ภาคิน เคนดา ด.ช.อภิวุฒิ มะโนชาติ ด.ช.วสันต์ สมใจ ด.ช.ธนากร การะดี ด.ญ.ศิริประภา ประเสริฐสุข ด.ญ.ธิดาพร โพธิพล ด.ช.ชัยยศ กี่เจริญ ด.ช.ธวัชชัย ศรีภู ด.ล.ปภังกร วงภามี ด.ช.กฤษณะ โสลา ด.ชธนาเทพ กำศร ด.ช.ชนายน ทองภูบาล ด.ช.อธิบดินทร์ สีสุ่มใต้ ด.ช.ชฎายุ มนูศิลป์ ด.ช.วรพล นวดข้าว ด.ช.วีรภัทร นวดข้าว และ ด.ช.กฤษณพงษ์ เถาว์ถาวงษ์

อย่างไรตาม หลังจากเจ้าหน้าที่ได้นำหีบศพมาตั้งบนเชิงตะกอน และอนุญาตให้ญาติเปิดฝาโลงดูหน้าศพเป็นครั้งสุดท้าย ปรากฏว่ามีหลายคนรับไม่ได้กับความสูญเสีย ถึงกับร้องไห้ตลอดเวลา อย่างสุดจะสกัดกั้น ด้วยความเจ็บปวดใจอย่างสุดซึ้ง หลายคนถึงกับเป็นลมลัมพับ เจ้าหน้าที่กู้ชีพและฝ่ายสุขภาพจิตต้องเข้าไปปฐมพยาบาล และต้องคอยปลอบใจตลอดเวลา บรรยากาศบริเวณประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพในพระบรมราชานุเคราะห์ จึงถูกปกคลุมไปด้วยเสียงร้องไห้และความรันทดหดหู่ใจสุดบรรยาย ทั้งนี้ ได้ฤกษ์จุดเพลิงเผาศพพร้อมกันในเวลา 18.30 น.