จากกรณีที่มีการจับกุม ด.ต.ธปณัฐ จันทร์ทับ ผบ.หมู่ สส.สภ.ราชกรูด จ.ระนอง ก่อเหตุลักอาวุธปืน 7 กระบอก จากห้องคลังอาวุธออกไปขาย และในการตรวจค้นห้องพักเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา พบยาเสพติดประเภทไอซ์ และอุปกรณ์การเสพ และมีสารเสพติดในร่างกาย เบื้องต้น พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง ได้มีคำสั่งให้ ด.ต.ธปณัฐ ออกจากราชการไว้ก่อน และแจ้งข้อหา จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน), เสพยาเสพติดประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน), มีเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ครอบครองได้ และลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ โดยสามารถติดตามอาวุธปืนของทางราชการกลับมาได้ 3 กระบอก เป็นอาวุธปืนยาวคาร์บิน M 4 จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้น 2 กระบอก พร้อมทั้งออกหมายจับผู้รับซื้ออาวุธปืน 2 ราย ในข้อหารับซื้อของโจร เป็นประชาชนทั่วไป 1 ราย และ ตำรวจ ตชด.1 ราย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 12 ต.ค. พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง กล่าวว่า จากการสอบสวนปากคำ ด.ต.ธปณัฐ ให้การซัดทอดถึงเพื่อนตำรวจยศ ส.ต.อ.นายหนึ่ง สังกัด สภ.ปากน้ำระนอง ว่า เป็นผู้นำอาวุธปืนที่ตนขโมยมาจากคลังอาวุธไปขาย โดยตนได้เชิญตัวตำรวจคนดังกล่าวมาเพื่อสอบสวนขยายผลแล้ว รวมถึงตรวจหาสารเสพติดในร่างกายผลเป็นบวก

พล.ต.ต.เชิดพงษ์ กล่าวว่า ในการซักถามปากคำ ส.ต.อ.คนดังกล่าว ทำให้ทราบว่า มีแก๊งตำรวจในกลุ่มของ ด.ต.ธปณัฐ อีกอย่างน้อย 4-5 คน ที่รวมตัวกันก่อเหตุและเสพสารเสพติด โดยขณะนี้ตนได้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินคดีและจับกุมทั้งหมด แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งมีทั้งข้าราชการตำรวจ และประชาชนทั่วไป ที่สำคัญพบว่ามีประชาชนที่รับซื้ออาวุธปืนจากกลุ่มตำรวจกลุ่มนี้ ในลักษณะรับของโจรอันเป็นลักษณะการค้า และขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเส้นทางการเงิน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับบุคคลดังกล่าวในความผิดมูลฐานฟอกเงิน รวมถึงติดตามจับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดที่ตำรวจแก๊งนี้ไปติดต่อซื้อยาด้วย

“ล่าสุดสามารถติดตามอาวุธปืนของกลางมาได้อีก 1 กระบอก ยังเหลืออาวุธปืนพกสั้นอีก 3 กระบอก ที่ยังไม่สามารถติดตามกลับมาได้ เนื่องจากพบว่ามีการนำไปขายต่อๆ กันหลายครั้ง แต่ขณะนี้เราทราบเบาะแสเกี่ยวกับอาวุธปืนที่เหลือทั้งหมดแล้ว และเตรียมออกหมายจับเข้าควบคุมตัวผู้ครอบครอง หลังเกิดเหตุตนได้สั่งการให้ทั้ง 9 โรงพัก นำส่งอาวุธปืนทั้งหมดกลับเข้าตำรวจภูธรจังหวัดทันที และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจนับจำนวน เนื่องจากเราไม่ทราบว่า กลุ่มตำรวจกลุ่มนี้จะก่อเหตุที่โรงพักใดบ้าง เราจำเป็นต้องตัดเนื้อร้ายเพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรส่วนรวม ขอให้เชื่อมั่นว่า จะไม่มีการกลั่นแกล้ง แต่หากเมื่อกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที” พล.ต.ต.เชิดพงษ์ กล่าว