เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่​ก​ระทรวงยุติธรรม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นำผู้เสียหาย นายเกรียงไกร โภคทวี อายุ 36 ปี พ่อค้าส้มตำ เข้าพบ น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม (ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม) เพื่อขอให้กระทรวงยุติธรรมช่วย​ตรวจสอบข้อเท็จจริง​กรณีตกเป็นแพะคดีลักทรัพย์ ว่าตำรวจ สน. แห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จเพื่อนำไปขอให้ศาลออกหมายจับพ่อค้าส้มตำ หลังผู้เสียหายเจ้าของบ้านไม่ได้ยืนยันว่า พ่อค้าส้มตำเป็นผู้กระทำผิดตัวจริง แต่ถูกเจ้าหน้าที่บังคับให้ชี้ตัว

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ตนตกเป็นผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์พระเครื่องในบ้านหลังหนึ่งมูลค่ามากกว่า 1 ล้านบาท เมื่อ 2 ปีก่อน ทั้งที่ไม่เคยรับเหมาหรือทำงานก่อสร้างมาก่อน ประกอบกับก่อนวันเกิดเหตุ ตนประสบอุบัติเหตุนอนโรงพยาบาลนานนับเดือน กระทั่งถูกตำรวจตามจับขังคุก 3 วัน 2 คืน ต้องกู้หนี้ยืมสินมาประกันตัวในวงเงินประมาณ 9 หมื่นบาท ขณะนี้อยู่ในชั้นสอบสวน ทำให้ครอบครัวได้รับความเสียหายและอับอาย เพราะมีการนำหมายจับไปสอบถามคนในชุมชน

ด้านเจ้าของบ้านผู้เสียหาย กล่าวว่า พนักงานสอบสวน ได้เรียกตนไปชี้รูปภาพผู้ต้องสงสัย 2 ราย และสามารถยืนยันได้ 1 ราย ส่วนอีก 1 ราย เป็นพ่อค้าส้มตำ ซึ่งตนไม่ยืนยันว่าเป็นคนร้ายตัวจริง แต่ถูกพนักงานสอบสวน บังคับชี้ตัว

ขณะที่ น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ทางกระทรวงยุติธรรมจะทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอดูรายละเอียดเกี่ยวกับคดีดังกล่าวว่าพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคดีดำเนินการอย่างไร รวมทั้งยังมีกองทุนยุติธรรมคอยช่วยเหลือหากผู้เสียหายโดนฟ้องคดีลักทรัพย์ ก็จะดูแลเรื่องการประกันตัว

ส่วนกรณีที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้ขอความเป็นธรรมให้ น.ส.นิพาดา (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปี 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) หลังขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลาย ข้างมหาวิทยาลัยฯ บริเวณถนนพุทธบูชา เขตทุ่งครุ กทม. ได้ถูกนายพงษ์พัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี อาชีพไรเดอร์ ขี่รถจักรยานยนต์พุ่งมาชนอย่างจัง จนร่างกระเด็นได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอความช่วยเหลือเยียวยาในฐานะผู้เสียหายในคดีอาญานั้น

น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ เผยว่า กระทรวงยุติธรรมจะประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อเร่งรัดติดตามคดีและจะพิจารณาเงินเยียวยา ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นค่ารักษาพยาบาล ไม่เกินจริง 40,000 บาท และค่าชดเชยรายได้ขั้นต่ำของกรุงเทพฯ จำนวนวันที่ไม่สามารถทำงานได้ และเตรียมนำเรื่องเข้าที่ประชุม เพื่อนำมาช่วยเหลือผู้เสียหายโดยเร็ว

นายเอกภพ กล่าวว่า ตนได้ประสานตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ เนื่องจากคนขี่ขับรถจักรยานยนต์ยังไม่เยียวยาผู้เสียหาย โดยอ้างว่าไม่มีเงิน ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถช่วยได้ตามสมควร โดยผู้บาดเจ็บต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองเกือบ 50,000 บาท ทำให้เป็นหนี้สิน อย่างไรก็ตาม ผู้บาดเจ็บรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าข้ามถนนคนเดียวในจุดเกิดเหตุ จึงฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนควรหยุดรอสัญญาณไฟ เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน

ส่วน น.ส.นิพาดา ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ตนขอบคุณทางเพจสายไหมต้องรอด และกระทรวงยุติธรรม ที่เข้ามาช่วยดูแลในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล รวมถึงเรื่องของการเยียวยาดูแล เนื่องจากที่ผ่านมา การรักษาตัวก็ต้องใช้เงินเก็บในการจ่ายค่ารักษา ซึ่งพอเรื่องนี้ได้รับความช่วยเหลือ ตนก็รู้สึกสบายใจขึ้นและขอขอบคุณ.