เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม น.ส.กนกกาญจน์ หรือกาญจน์ ตะกุณา อายุ 40 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ พร้อมยาบ้าจำนวน 3,600,000 เม็ด บรรจุอยู่กระสอบซุกซ่อนไว้ใน รถกระบะยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเรนเจอร์ สีเทาดำ จับกุมได้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งริมถนนพหลโยธิน ขาเข้ากรุงเทพฯมหานคร หมู่ 9 ต.สนับทึบ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าจะมีการขนยาบ้าจำนวนมากมาจากจังหวัดทางภาคเหนือ เพื่อส่งในพื้นที่จังหวัดเขตปริมณฑล จึงได้ร่วมกับ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ชุดสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ชุดสืบสวน สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ชุดสืบสวน ภ.จว.สระบุรี เฝ้าติดตามและวางกำลังเพื่อจับกุม จนพบรถกระบะคันดังกล่าวขับมาจอดภายปั๊มน้ำมัน

พบผู้ต้องหาซึ่งหญิงสาว เป็นผู้ขับขี่เพียงคนเดียว เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อมีการเข้าจุดตรวจเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้มีการตรวจค้นอย่างละเอียด นอกจากนี้ยังพบว่า มีการใช้ถุงบรรจุปุ๋ยคอกซึ่งเป็นขี้ไก่ ปะปนมากับยาเสพติดเพื่อกลบกลิ่น ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า รับจ้างลำเลียงยาบ้ามาจากพื้นที่ภาคเหนือ มาส่งให้กับลูกค้าในพื้นปริมณฑล ทำมาแล้วหลายครั้งโดยจะได้รับค่าจ้างครั้งละประมาณ 50,000-70,000 บาท ซึ่งยาบ้าทั้งหมดที่จับกุมถ้าเข้าสู่กระบวนการของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดแล้วจะมีมูลค่าสูงประมาณ 180 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจะพัฒนาและเปลี่ยนวิธีการในการขนยาเสพติดหลากหลายวิธีการเปลี่ยนเส้นทาง มีการตรวจสอบจุดตรวจตามเส้นทางต่างๆ เพื่อหลบหลีกด่านตรวจ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปรับเปลี่ยนวิธีการและยุทธวิธีวิถีต่างๆ ในการตรวจค้นและสังเกตความผิดปกติ ของรถยนต์ทุกชนิดที่เข้ามาในด่านตรวจ รวมถึงการใช้เทคโนโลยี และการสืบสวนขยายผลจากการจับกุมผู้ค้ารายย่อยรายเล็ก รวมไปถึงผู้เสพให้มากที่สุดเพื่อให้ไปถึงกลุ่มค้ารายใหญ่ อย่างที่มีการจับกุมในวันนี้

ด้าน พล.ต.ต.ชยานนท์ กล่าวว่า พื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะเป็นทางผ่านและพัก ของกลุ่มขบวนยาเสพติดก่อนเข้าถึงพื้นที่ปริมณฑล จึงจะใช้มาตรการห้ามผ่านและห้ามพัก ของขบวนการยาเสพติด พร้อมกับการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดทุกกลุ่ม ส่วนผู้เสพดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำตัวมาบำบัดต่อไป.