จากกรณี ตำรวจจังหวัดกาญจนบุรี เร่งติดตามหาตัวคนร้ายฆ่าปาดคอ น.ส.ฟาริดา โสภา อายุ 28 ปี สาวชงเหล้าจนเสียชีวิตก่อนนำศพไปโยนลงคลองเพื่ออำพรางคดี โดยความคืบหน้าล่าสุดได้มีการนำตัว นายสมโชค เผือกเงิน หรือ ปุ๊ อายุ 38 ปี บุคคลใกล้ชิดกับผู้ตายมาสอบปากคำหลายชั่วโมง ซึ่งต่อมาทาง พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้นำหมายจับศาลซึ่งมีชื่อของ นายสมโชค มาแสดงก่อนแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 27 ต.ค. พล.ต.ต.ไพโรจน์ เปิดเผยว่า หลังการสืบสวนอย่างละเอียดของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ทำให้ได้ข้อมูลจากลูกสาวของผู้เสียชีวิตว่าผู้เสียชีวิตเคยนัดพบกับผู้ต้องสงสัยหลายครั้งในบริเวณใกล้เคียงจุดที่พบศพ แต่ผู้ต้องสงสัยให้การปฏิเสธ ขัดกับข้อมูลของลูกสาวผู้เสียชีวิต แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์ด้วยเครื่องมือพิเศษ พบหลักฐานหลายอย่างจากโทรศัพท์มือถือของผู้ก่อเหตุ ที่บ่งชี้ได้ว่า ผู้ก่อเหตุมีความรู้จักคุ้นเคยกับผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีการนัดหมายพบเจอกันบริเวณใกล้เคียงจุดที่พบศพหลายครั้งและมีการติดต่อโอนเงินให้กับผู้เสียชีวิตอยู่หลายครั้งเช่นกัน
อีกทั้งข้อมูลอย่างระบุว่าในวันที่ผู้เสียชีวิตหายตัวไป ได้มาพบเจอกับตัวของผู้ต้องสงสัยด้วย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอศาลอนุมัติออกหมายจับนายสมโชค ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาดังกล่าว แม้นายสมโชคจะให้การปฏิเสธ ก็ไม่มีปัญหาเพราะทางตำรวจเชื่อว่าด้วยพยานหลักฐานที่มีอยู่จะสามารถดำเนินคดีเอาผิดกับนายสมโชคได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีรายงานจากตำรวจชุดสืบสวนสภ.ท่ามะกา และชุดสืบสวนสภ.ท่าเรือ ซึ่งไปค้นบ้านพักของ นายสมโชค พบว่าภายในห้องนอนมี อาวุธมีด ซุกซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่จึงนำไปตรวจสอบว่า เป็นอาวุธที่ใช้ในการสังหารผู้เสียชีวิตหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกำลังจะเดินทางกลับ พ.ต.ท.อนันต์ไพศาล แดงดอนไพร รอง ผกก.สส.สภ.ท่าเรือ ได้พบกับฝาหลังของโทรศัพท์มือถือสีแดงหล่นอยู่บริเวณกองขยะด้านหลังบ้านของผู้ต้องสงสัย แต่ไม่พบร่องรอยของโทรศัพท์มือถือ พ.ต.ท.อนันต์ไพศาล จึงทำการจุดธูปบอกกล่าวกับศาลเก่าผุพังที่ตั้งอยู่กับพื้นที่ เพื่อขอให้เปิดทางให้หาโทรศัพท์มือถือเจอ กระทั่งระดมเจ้าหน้าที่ออกค้นหาและพบว่า มีโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งซุกอยู่ในพุ่มไม้ด้านหลังบ้านของ นายสมโชค ซึ่งจะได้ส่งโทรศัพท์เครื่องนี้ไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นของผู้เสียชีวิตหรือไม่ หากเป็นของผู้เสียชีวิตจริงก็จะเป็นหลักฐานทางคดีที่สำคัญอีกชิ้น.
