เป็นเรื่องราวสุดเดือดกำลังเป็นที่วิจารณ์บนโลกออนไลน์ เมื่อเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2 โพสต์คลิปครอบครัวหนึ่งถ่ายเหตุการณ์ กรณี รปภ. คว้ามีดมาขู่ แสดงพฤติกรรมสุดกร่าง โดยโพสต์ข้อความระบุว่า ‘ในรถมีเด็กนะ พฤติกรรมที่ถือมีดแสดงออกมามันไม่สมควร พูดจาดี ๆ กันก็ได้ แค่เรื่องเล็ก ๆ ที่ต่างคนต่างเข้าใจกันผิดพลาด
เรื่องยาวหน่อยนะคะ เรื่องเกิดวันที่ 31 ต.ค.65 เวลา 12.39 น. เราเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน ค.3 คือไม่รู้ว่าต้องแลกบัตร เห็นว่ามีไม้กั้น แต่รถคันหน้าขับเข้าไปโดยไม่ต้องแลกบัตร เราคิดว่าไม่ต้องแลก เราก็รีบขับตามคันหน้าไป เพราะมี รปภ.ผู้หญิงยืนตะเบ๊ะให้ คิดไม่ทันว่ารถในหมู่บ้านสามารถผ่านได้เลย แล้วไม้กั้นมันก็ค่อย ๆ ลงมากันรถเรา
เราเลยเบรกกะทันหัน แล้วเปิดกระจก พร้อมหยิบบัตร รปภ.ผู้หญิงก็พูดขึ้นมาว่า ทำไมไม่แลกบัตร แฟนเราบอกว่า แล้วไม่บอก เห็นตะเบ๊ะใส่ นึกว่าให้ไปเลย แล้ว รปภ.พูดว่า ทำไมไม่เปิดกระจก แฟนเราพูดว่า ผมไม่รู้ว่าต้องแลกบัตร เลยไม่ได้เปิดกระจก (เรายอมรับว่าเราผิดที่ไม่เปิดกระจก)
แล้ว รปภ.ผู้ชายในภาพ ก็ตะโกนสวนขึ้นมาว่า ไม่เคยเข้าด่านเก็บเงินเหรอ? แฟนเราก็ตอบไปว่าเคย (แบบน้ำเสียงไม่พอใจแล้ว) รปภ.ผู้ชายพูดอีกว่า เคยแล้วไม่รู้หรือไง ว่ามันต้องเข้าทีละคัน เข้าคันต่อคัน พูดใส่อารมณ์มาก แล้วก็เถียงกัน แฟนเราโมโหแล้ว เลยตะโกนถามไปว่า แล้วจะเอายังไง
รปภ.ผู้ชายคนนี้ก็เลยไปหยิบมีดขึ้นมา แล้วโวยวายดังในคลิป ท้าให้แฟนเราลงจากรถ เราได้ไปแจ้งนิติหมู่บ้านแล้ว ทางนิติฯยังเงียบไม่ติดต่ออะไรกลับมา ไปแจ้งความกับตำรวจ บอกขอแจ้งความข้อหาพยามฆ่าได้ไหม ตำรวจบอกว่า เหตุยังไม่เกิด เราเลยถามว่าแล้วเราจะแจ้งข้อหาอะไรได้บ้าง ตำรวจก็ไล่ให้เราไปคุยกับทนายห้องข้าง ๆ แบบไม่เอาเราเลย
พอเราเข้าพบทนาย เขาบอกสามารถแจ้งข้อหาข่มขู่ได้ แต่ต้องให้เราไปเอาชื่อ รปภ.คนนี้มา เพราะจะมาแจ้งแบบลอย ๆ ไม่มีชื่อไม่ได้ แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงต่อคะ เพราะเราไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย’
หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เสียงส่วนใหญ่มองว่าฝ่ายผู้ถ่ายคลิปนั้นไม่ควรอ้างว่า เด็กอยู่ในรถ เพราะจากเหตุการณ์ต้นตอก็มาจากฝ่ายเจ้าของเรื่องเองที่มีอารมณ์กับฝ่าย รปภ.ก่อน ท่ามกลางคนที่มองว่าจากเหตุการณ์นี้ รปภ.ก็ทำเกินกว่าเหตุไปมากอีกด้วย…
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2
