เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมด้วย น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา ตัวแทนหน่วยปฐมพยาบาลภาคสนาม First aid volunteer 53 ยื่นหนังสือต่อนายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม เรียกร้องให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีมาตรการจัดการโควิด-19 เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อในเรือนจำและทัณฑสถาน เนื่องจากยังพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือเรียกร้องให้เรือนจำมีมาตรการจัดการโควิด-19 อาทิ ให้มีการตรวจคัดกรองผู้ต้องขังก่อนเข้าเรือนจำ พร้อมออกเอกสารรับรองการตรวจเชื้อให้แก่ผู้ต้องขังแรกเข้า โดยญาติสามารถนำเอกสารนี้มาเผยแพร่ได้และหากพบผู้ต้องหาติดเชื้อ ให้ผู้ต้องขังเข้าถึงการรักษาโดยทันทีอย่างเร่งด่วน, แยกกลุ่มเสี่ยง เพื่อเฝ้าระวังอาการ, ต้องจัดหาหน้ากากอนามัยแบบที่ใช้ทางการแพทย์ให้กับผู้ต้องขังทุกคน อย่างน้อยคนละ 30 ชิ้นต่อเดือน และมีเจลแอลกอฮอล์อยู่ในห้องผู้ต้องขังทุกห้อง, ต้องมีการตรวจหาเชื้อจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุก 3 วันเป็นอย่างน้อย โดยขอให้ดำเนินการทั้งหมดโดยเร็วที่สุด 

น.ส.ปนัสยา ยอมรับว่า มีความกังวลกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงอย่างต่อเนื่องทุกวัน หากมีความเป็นไปได้ก็ต้องมีการสื่อสารและพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมในจุดนั้น ถึงปัญหาข้อเรียกร้อง แต่ส่วนตัวยืนยันแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่ยึดหลักสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง แต่ขณะนี้ยังไม่มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ แต่อย่างใด

นายวัลลภ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมมีการจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม (ศบค.ยธ.) และกรมราชทัณฑ์ ได้สั่งการให้เรือนจำทุกแห่งปฏิบัติตามมาตรฐานเรือนจำสีขาวในการป้องกันการติดเชื้อโควิด โดยกำหนดมาตรการสำหรับเรือนจำในแดนแรกรับและดำเนินการอย่างเคร่งครัด เช่น กักตัวอย่างน้อย 21 วัน และตรวจคัดกรอง PCR อย่างน้อย 3 ครั้งนอกจากนี้ ยังมีกระบวนการรักษา การจัดหาวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และวัคซีน และการปล่อยตัวผู้พ้นโทษ พร้อมกำหนดคู่มือการปฏิบัติงานให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบและปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน

“ยืนยันว่าทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีการเพิ่มศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วย ตามมาตรฐานการรักษากระทรวงสาธารณสุข นอกจากดูแลผู้ป่วยเรือนจำทั้ง 7 แห่งใน กทม.แล้ว ยังรองรับผู้ป่วยต่างจังหวัดเพื่อแบ่งเบาภาระโรงพยาบาลภายนอกด้วย เราคำนึงถึงประโยชน์ผู้ป่วยเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม กรมราชทัณฑ์มีเป้าหมายลดการสูญเสียให้น้อยที่สุด ยังจะเห็นได้จากอัตราการสูญเสียต่ำเมื่อเทียบกับภายนอก และศักยภาพของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ สามารถให้การดูแลรักษาผู้ป่วยระดับสีเขียว เหลือง แดง ซึ่งเรามียา ครุภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ตามแนวทางการรักษาโดยกรมควบคุมโรคครบถ้วนเพียงพอ ส่วนกรณีการส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาโรงพยาบาลภายนอก แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาจากศักยภาพของโรงพยาบาล และอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก” นายวัลลภ กล่าว