สำหรับกรณีการสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน จำนวน 1,265 อัตรา เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา มีการร้องเรียนว่ามีการทุจริต กระทั่ง พล.ต.ท.ณฐพล แสวงกิจ ผบช.ศ. ได้ลงนามในคำสั่งที่ 157/2565 ลงวันที่ 1 ธ.ค. แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.ญาณพงศ์ โสมาภา รอง ผบช.ศ. เป็นประธานกรรมการ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

บช.ศ.วอนแจ้งเบาะแสทุจริตสอบนายสิบ หลังโพยคำตอบว่อนเน็ต

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. มีรายงานว่า ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด โดยเบื้องต้นเชื่อว่า ขบวนการโกงสอบตำรวจในพื้นที่ของ บช.ภ.9 มีความเชื่อมโยงกับการสอบสอบคัดเลือก บุคคลภายนอกเพื่อบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราซการตำรวจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่จัดขึ้นล่าสุด โดยพบความเชื่อมโยงของกลุ่มบุคคลที่เป็นตัวหลักที่ตรวจสอบพบในขบวนการทุจริตการสอบตำรวจที่ บช.ภ.9 อย่างไรก็ตาม จากแนวทางสืบสวนเชื่อว่าเป็นขบวนการเดียวกัน แต่ภายหลังถูกจับได้ จึงย้ายสนามสอบมาทำในพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งขณะนี้ชุดทำงานอยู่ระหว่างการขยายผลหาหลักฐานมาประกอบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน

มีรายงานว่า จากแนวทางสืบสวนยังพบความเชื่อมโยงที่ทำให้เชื่อได้ว่า ทั้งสองกรณี คือสอบนายสิบตำรวจ รุ่นที่ 2 ในพื้นที่ บช.ภ.9 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และสอบสายอำนวยการ เป็นขบวนการทุจริตโกงสอบตำรวจกลุ่มเดียวกัน แต่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำงาน เพื่อให้ยากต่อการติดตาม แต่เดิมมีการรวมตัวนัดหมายกันเปิดห้องตามโรงแรมห้องพักรายวัน ตามที่พักต่างๆ เพื่อติวทำแนวข้อสอบ หรือนัดแนะกันอ่านโพย แต่ปัจจุบันพบมีการใช้ระบบซูมในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผล ในส่วนกรณีโพยคำตอบที่พบว่ามีด้วยกัน 4 ชุด มีการเฉลยตรงกับข้อสอบในหลายข้อ แต่ในชั้นนี้ กำลังตรวจสอบว่า ถูกนำมาใช้ขณะเข้าสอบ หรือทำขึ้นภายหลังการสอบเสร็จสิ้น

มีรายงานว่าในแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์ มีการตั้งข้อสังเกตกรณีที่ปรากฏชื่อสกุลซ้ำกัน แต่รหัสประจำตัวสอบไม่เหมือนกัน โดยในรายแรกสอบได้ลำดับที่ 698 รหัสประจำตัวสอบ 060107665 ได้คะแนน 117 ราย ที่สองสอบได้ลำดับที่ 1081 000107574 ได้คะแนน 114 อีกทั้งในสื่อออนไลน์ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้สมัครตามรายชื่อดังกล่าว มีชื่อสกุลเดียวกับนายตำรวจยศ พล.ต.ต. อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนี้ชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีการนำหลักฐานการสมัครสอบของผู้สมัครทั้งสองรายที่ปรากฏชื่อ-สกุลซ้ำกัน มาตรวจสอบกับฐานขัอมูลทะเบียนราษฎร์พบว่า ทั้งสองมีตัวตนจริง เลขประจำตัวประชาชนคนละเลขกัน อีกทั้งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเป็นเครือญาติกับนายตำรวจตามที่มีการตั้งข้อสังเกตแต่อย่างใด

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับทาง พล.ต.ต.มนต์ชัย ศรีประเสริฐ โดยทางเจ้าตัวระบุว่า ส่วนตัวไม่ได้รู้จักและไม่มีความเกี่ยวโยงในลักษณะเครือญาติกับผู้ผ่านการสอบคัดเลือกทั้งสองราย

ขณะที่ พล.ต.ท.นิรัดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า จะเร่งตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น หากพบว่ามีการทุจริต ก็จะเร่งดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากข้อมูลปรากฏมีข้าราชการตำรวจไปเกี่ยวข้อง จะดำเนินการทางวินัยและอาญา.