เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ดาราสาว เบนซ์ พรชิตา ได้โพสต์เล่าเรื่องราวให้เป็นอุทาหรณ์ กรณีอุบัติเหตุที่เกิดกับคุณแม่ของตนเองในห้างดังเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว โดยคุณแม่โดนรถเข็นลากลงจากทางเลื่อน จนศีรษะและหน้ากระแทกจนได้รับบาดเจ็บ ทางห้างแจ้งว่าจะดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับการเยียวยา โดยสาวเบนซ์ได้ระบุข้อความว่า

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. คุณแม่ได้แวะไปซื้อของในห้างแห่งหนึ่งใกล้บ้าน ซึ่งสินค้าอยู่ชั้น 2 ต้องใช้รถเข็นลงจากชั้นสองโดยใช้ทางเลื่อน เพราะทางห้างไม่มีลิฟต์ให้เลือกใช้ ปรากฏว่าล้อรถเข็นไม่ล็อก ด้วยน้ำหนักของรถเข็นเลยลากแม่เบนซ์ลงมาตลอดทางลาดด้วยความเร็วและกระแทกเข้ากับเคาน์เตอร์ของร้านค้าด้านล่างศีรษะและใบหน้ากระแทกเข้ากับรถเข็น เลือดไหลเยอะมาก (เพราะเพิ่งทำบอลลูนหัวใจไม่ถึงเดือน และต้องกินยาละลายลิ่มเลือด) เย็บไป 4 เข็ม มีแผลฟกช้ำตามร่างกายหลายจุดจากการลากลงทางลาด และต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลา 3 วัน เหตุผลที่แม่ไม่ปล่อยรถเข็น เพราะข้างหน้ามีคนยืนอยู่บนทางเลื่อน จึงกลัวว่ารถเข็นจะพุ่งไปกระแทกหลังหรือชนคนอื่นจนได้รับบาดเจ็บเลยพยายามดึงไว้

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้จัดการของทางห้างมาเยี่ยม โดยบอกกับทางเราว่าจะมีผู้ใหญ่เป็นอดีตนักการเมืองจะขอมาเยี่ยมแม่ แต่สุดท้ายไม่ได้มา แต่ที่มาคือผู้จัดการของห้าง โดยสรุปจบตรงที่ห้างจะดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษา แต่หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ผู้จัดการห้างก็โทรมาถามถึงอาการแม่ 1 ครั้งโดยถามแค่อาการและบอกว่าจะโทรมาถามอาการเรื่อย ๆ ซึ่งหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ทางห้างก็ไม่ได้มีการเยียวยา ชดใช้ หรือติดต่อกลับมาทางเราอีกเลย

ซึ่ง เบนซ์ ยังระบุต่อว่า ที่เบนซ์ออกมาเล่าให้ฟังเพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคน ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณ หรือหัวหน้าครอบครัว จนต้องหยุดงาน เพื่อรักษาตัวมากน้อยจำนวนวันขึ้นอยู่กับอาการบาดเจ็บของแต่ละคน หรือแม้กระทั่งอาการที่หนัก จนถึงเสียชีวิต ทางห้างควรดูแลความเสียหายให้เป็นมาตรฐาน ไม่ใช่แค่มาเยี่ยมที่รพ. 1 ครั้งและโทรฯมาถามอาการอีก 1 ครั้งและบอกว่าจะดูแลค่าใช้จ่ายแต่ผลคือกลับเงียบไปเฉยๆ เหมือนทางห้างรอว่าผู้บาดเจ็บแต่ละคนจะใช้กฎหมายหรือเอาเรื่องกับทางห้างขนาดไหนถึงจะยอมออกมาดูแล กรณีแม่ของเบนซ์คือเรายังสามารถดูแลแม่ได้ และถ้ากรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับคนที่ไม่มีกระบอกเสียง ไม่มีสตางค์ ผู้สูงอายุที่ไม่มีญาติ หรือตาสีตาสาทั่วไปจะทำยังไงดังนั้นทางห้างควรมีการดูแลและเยียวยาคนเจ็บมากกว่านี้ ไม่ใช่เงียบไปแบบนี้

นอกจากนั้นยังระบุอีกว่า พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับแม่ตัวเอง คือไปไม่ถูกเหมือนกันนะคะ แม่อายุ 75 ปีแล้ว ตอนนี้คือเดินช้ามาก ปวดขาปวดหลังไปหมด มีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างไม๊คะ ไม่อยากให้เกิดกับใครอีกแล้ว เราควรทำยังไงดีคะ

ขอบคุณข้อมูลจากอินสตาแกรม เบนซ์ พรชิตา