เมื่อวันนี้ 23 ธ.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานการสอบสวน อาคารถนนบรมราชชนนี (ตลิ่งชัน) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เดินทางมามอบหลักฐานเป็นเอกสารต่างๆ ในคดีของ นายชัยณัฐร์ หรือ ตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวก ผู้ต้องหาฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาอี, เฮโรอีน) อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐฯ, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำ ความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ, ร่วมกันเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ให้แก่คณะทำงานของสำนักงานอัยการสูงสุด เพิ่มเติม

นายชูวิทย์ เปิดเผยว่า ตนไม่ได้มีความต้องการที่จะโจมตีให้ใครหลุดจากตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ตนได้พูดจะเป็นประโยชน์เพื่อป้องกันการทำธุรกิจผิดกฎหมายหรือค้ายาเสพติดของกลุ่มนายทุนต่างชาติในประเทศไทยอีก

นายชูวิทย์ ได้เน้นย้ำว่า วันนี้มีเรื่องที่จะการดำเนินการ 2 ประการ ได้แก่ ประการแรก คือ เรื่องการฟอกเงิน ซึ่งได้ยืนยันว่า อย่างไรก็จำเป็นต้องตั้งข้อหานี้กับนายตู้ห่าว และการมามอบหลักฐานกับอัยการสูงสุดวันนี้ ตนก็ได้นำเอกสารพยานต่างๆ มาชี้แจงให้เห็นถึงเส้นทางการเงินของนายตู้ห่าว เพื่อให้เร่งดำเนินคดีในข้อหา สมคบฟอกเงิน โดยเร็ว ซึ่งหากตั้งข้อหาช้า ก็จะทำให้ผู้ต้องหาโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปได้ เพราะไม่ใช่ว่านายตู้ห่าวไปอยู่ในคุกแล้วจะแจ้งข้อหาเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะนายตู้ห่าวไม่ได้เป็นแค่คนๆ เดียว เนื่องจากในผังเส้นทางเงินที่ตนได้โชว์ไป มันยังไปเกี่ยวพันกับบุคคลอื่นๆ อีกหลายคน และนายตู้ห่าวเป็นเพียง 1 ในขบวนการเท่านั้น

ประการที่สอง คือ เรื่องของอำนาจในการตัดสินใจ ซึ่งได้รับคำยืนยันจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ว่า อำนาจต่างๆ ในการดำเนินคดีตอนนี้อยู่ที่คณะอัยการแล้ว และตอนนี้ ผบ.ตร. ก็ได้ยอมรับแล้วว่า ผบ.ตร. จะเซ็นสำนวนความเห็นสั่งฟ้องคดีเอง แทน ผบช.น. ซึ่งตอนนี้มีดีเอสไอเข้ามาตั้งเป็นคดีพิเศษ เพราะว่าตอนแรก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ตั้งข้อหาฟอกเงิน การดำเนินการจึงอาจมีความซับซ้อนขึ้น

นายชูวิทย์ ยังเปิดเผยอีกว่า ล่าสุดเมื่อ เวลา 05.00 น. ของวันนี้ ตนได้ข้อมูลมาว่า กลุ่มคนจีนที่ถูกจับตรวจจรวจปัสสาวะที่ผับจินหลิง ทั้งที่ไม่พบสารเสพติด และผู้ที่ตรวจพบสารเสพติด ที่ตอนนี้อยู่ที่ ตม. กำลังรวมกลุ่มกันและยอมจ่ายเงิน คนละ 5 ล้านบาท เพื่อเตรียมการหลบหนี โดยจะจ้างเครื่องบินเหมาลำไปลงที่กัมพูชา ไม่ได้ลงที่จีน เพราะว่ามีคดียาเสพติดติดตัวอยู่ จึงอยากเตือนเจ้าหน้าที่ ตม. ว่า อย่ารับเงินดังกล่าว เพราะว่าตนมีพาสปอร์ตของทุกคนอยู่ในมือ สามารถตามตัวได้ไม่ยาก

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ในการทำคดีนี้ ผบช.น. มีความสะเพร่าหลายอย่าง ทั้งการปล่อยตัวคนที่ไม่พบสารเสพติดออกไป แทนที่จะคุมตัวไว้ก่อน การปล่อยให้ตำรวจระดับรองผู้กำกับนำเอาคนจีนคนสำคัญนำไปฝากขังและปล่อยตัวไป การปล่อยรถเบนซ์ของนายเดวิส ซึ่งไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ที่หลังรถออกไป ขอย้ำว่าตนไม่ได้โจมตี ผบช.น. เป็นการส่วนตัว แต่โจมตีการกระทำที่สะเพร่า และไม่มีการวางแผนของ ผบช.น