เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.ประเสริฐ ศิริพรรณาภิรัตน์ รอง ผบช.ศ. พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รอง ผบก.ศบศ. รร.นรต. ช่วยราชการ บช.ส. เป็นตัวแทนคณะกรรมการสอบสวนคดีทุจริตสอบนายสิบตำรวจฝ่ายอำนวยการ นำเอกสารหลักฐานเข้าพบ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับขบวนการทุจริตการสอบและผู้ทุจริตการสอบ ในข้อหา “กระทำการทุจริตฯ, นำไปซึ่งเอกสาร (ข้อสอบ), และข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร”

พล.ต.ต.ประเสริฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯ ตรวจสอบพบขบวนการทุจริตการสอบ 4-5 กลุ่ม เป็นเครือข่ายเดิมที่เคยทุจริตมาแล้ว และแต่ละกลุ่มมีพฤติการณ์คล้ายกัน คาดว่าอาจจะเชื่อมโยงกัน จึงนำหลักฐานมาให้ พงส.บก.ป. ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงเรียกสอบปากคำผู้ทุจริตนับร้อยคน ซึ่งกลุ่มนักเรียนมีทั้งที่รับสารภาพ และยังปฏิเสธ แต่ทาง บช.ศ. ยืนยันว่า มีวิธีการตรวจสอบนักเรียนที่ทุจริตและได้คัดออกไปแล้วหลายราย ดังนั้น นักเรียนคนใดที่ทุจริต ขอให้สละสิทธิเอง แต่หากยอมรับสารภาพและสละสิทธิ ตำรวจอาจจะกันไว้เป็นพยาน

“ขอเตือนว่า ถ้ายังดื้อดึงไม่สละสิทธิ เมื่อถูกตรวจสอบพบว่าทุจริตการสอบ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย” พล.ต.ต.ประเสริฐ ระบุ

รอง ผบช.ศ. กล่าวต่อว่า ส่วนการทุจริตที่เกิดขึ้น จะมีตำรวจหรือข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ แต่คณะทำงานยืนยันจะดำเนินการให้ดีที่สุด และขอให้มั่นใจว่า การสอบครั้งนี้ มีเพียงส่วนน้อยที่ทุจริต จึงยังไม่มีการกำหนดการสอบใหม่

ด้าน พ.ต.อ.อุเทน กล่าวว่า จากการตรวจสอบกรณีนี้ พบมีผู้สอบทุจริตประมาณ 25% จาก 1,160 ราย รับสารภาพแล้ว 20% ที่เหลือยังให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานชัดเจน และได้ขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ในการสอบตำรวจครั้งต่อๆ ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม รูปแบบการทุจริตครั้งนี้ แตกต่างจากการทุจริตสอบเมื่อปี 2555 เพราะครั้งนั้นเป็นการทุจริตในห้องสอบ แต่ครั้งนี้แน่ชัดว่า ต้นเหตุมาจากข้อสอบรั่วไหล ขบวนการทุจริตจึงไม่ได้มีแค่เจ้าหน้าที่คุมสอบ แต่มีเอกชนคอยช่วยอำนวยความสะดวก รับส่งข้อสอบ และจัดการต่างๆ ด้วย ดังนั้น จำเป็นต้องขยายผลไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ด้วย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังต้องเรียก ผู้ปกครอง โรงเรียนรับติวเตอร์ และบุคคลแวดล้อมอื่น มาให้การเพิ่มเติม ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวทาง บก.ป. มีอำนาจดำเนินการตามกฎหมาย