เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2565 ในเมืองเฮบรอน ในเขตเวสต์แบงก์ เกิดเหตุฆาตกรรมสุดสะเทือนขวัญ โดยผู้เสียชีวิตเป็นหนุ่มเกย์ชาวปาเลสไตน์ ซึ่งกำลังรอให้คำขอลี้ภัยไปแคนาดาของตนได้รับการอนุมัติ
มีผู้พบศพของ อาห์หมัด อาบู มาร์เฮีย วัย 25 ปี หลังจากที่มีรายงานว่า เขาได้รับคำขู่ฆ่าหลายครั้ง เนื่องจากรสนิยมส่วนตัวทางเพศที่รักชอบคนเพศเดียวกัน กลุ่มเพื่อนของเขาอ้างว่า มาร์เฮีย เคยโดนลักพาตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปอย่างเป็นทางการว่า แรงจูงใจในการสังหารเกี่ยวพันกับรสนิยมส่วนตัวของเขาหรือไม่
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจปาเลสไตน์ได้ติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ในบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ ตามรายงานข่าวของสื่อท้องถิ่น ผู้ต้องสงสัยซึ่งยังไม่มีการระบุชื่อ เป็นคนบันทึกคลิปวิดีโอขณะลงมือสังหาร มาร์เฮีย และนำไปโพสต์ลงในสื่อโซเชียลมีเดีย ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามห้ามชาวโซเชียล ไม่ให้แชร์คลิปดังกล่าวออกไป
กลุ่มความหลากหลายทางเพศระดับนานาชาติ ‘LGBTQ Task Force’ ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นว่า มาร์เฮีย หนีออกจากเขตที่อยู่ในการดูแลของตำรวจปาเลสไตน์ เมื่อ 2 ปีก่อน มาอยู่ในอิสราเอล หลังจากที่เขาโดนรังควานและข่มขู่ เนื่องจากรสนิยมทางเพศของเขา โดยเขามีกำหนดการที่จะลี้ภัยไปยังแคนาดา ในอีก 2 เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ยังไม่มีความแน่ชัดว่า เขาไปปรากฏตัวที่เมืองเฮบรอน ซึ่งอยู่ในความดูแลของปาเลสไตน์ได้อย่างไร แต่สมาชิกครอบครัวของเขากล่าวว่า เขาไปที่นั่นเป็นประจำ เพื่อเยี่ยมเยียนคนในครอบครัวและทำงาน นอกจากนี้ยังกล่าวว่าคลิปวิดีโอ ที่บันทึกนาทีสังหารของเขาไว้นั้น เป็นเพียงข่าวลือ
จากข้อมูลของกลุ่ม Task Force มาร์เฮีย เป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของคนในแวดวง LGBTQ การเสียชีวิตของเขา สร้างทั้งความสะเทือนใจและความหวาดผวาแก่คนในกลุ่มเป็นอย่างมาก
ด้าน ทอม ไนเดส เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศอิสราเอล ได้โพสต์ข้อความบนบัญชีทวิตเตอร์ของเขาว่า เขารู้สึกช็อกและหวาดหวั่นมากต่อฆาตกรรมฆ่าตัดศีรษะ มาร์เฮีย ในเฮบรอน พร้อมทั้งย้ำว่า การใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มความหลากหลายทางเพศและมนุษย์ทุกคน คือสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
พิธีไว้อาลัยของ มาร์เฮีย รอบแรก ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา ในเมืองเทล อาวีฟ ส่วนรอบที่ 2 จัดขึ้นในวันที่ 7 ต.ค. 2565
อนึ่ง รสนิยมแบบรักร่วมเพศ ยังไม่ได้รับการยอมรับในหลายพื้นที่ของปาเลสไตน์และอิสราเอล คาดว่าปัจจุบัน มีชาวปาเลสไตน์ราว 90 คน ที่พยายามขอลี้ภัยไปอยู่ในอิสราเอล เนื่องจากเพศสภาพของพวกเขา
แหล่งข่าว : advocate.com, dailymail.co.uk
เครดิตภาพ : Facebook / Ahmad Abu Marhia
