เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ที่ศาลอาญาพระโขนง ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดี คดีหมายเลขดำที่ อ.3228/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 3 และนางฮวย ศรีวิรัตน์ (โจทก์ร่วม) หรือ อาม่าฮวย ยื่นฟ้อง นางมาวดี ศรีวิรัตน์ ลูกสาวอาม่าฮวย กับพวกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด รวม 5 คน ในความผิดฐาน ปลอมแปลงเอกสาร ลักทรัพย์ จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาสุขุมวิท 101 และสาขาถนนศรีนครินทร์ กม.9 มูลค่าความเสียหายกว่า 250 ล้านบาท

กรณีที่นางฮวยถูกนางมาวดี ที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ร่วมมือกับพนักงานแบงก์อีก 4 คน แอบโอนเงินในบัญชีออกไป ตอนที่อาม่าล้มป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้เงินในบัญชีกว่า 250 ล้าน ถูกโอนออกไปจำนวนหลายร้อยครั้ง จนหมดบัญชี โดยการพิมพ์ลายนิ้วมือจากเดิมที่เป็นลายเซ็นจึงเป็นเปลี่ยนแปลงสิทธิการเบิกถอนเงินในบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ธนาคารขณะที่นางฮวยนอนป่วยอยู่ โดยคดีมีการฟ้องเมื่อช่วงปี 62

วันนี้จำเลยเดินทางมาศาลพร้อมนายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ ส่วนฝ่ายโจทก์ร่วมมี นายจตุพร ชนะสิทธิ์ ทนายความเดินทางมาศาล

โดยนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ผมมาในฐานะตัวแทนของ นายอนันต์ชัย ไชยเดช คดีนี้เกี่ยวกับพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ซึ่งมีสถานะเป็นลูกของ นางฮวย ศรีวิรัตน์ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ที่มีการร่วมกันเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข การเบิกจ่ายเงินของ อาม่าฮวย ก็คือ อยู่ในความผิดฐานลักทรัพย์ กับ ร่วมกันปลอมเอกสาร ประเด็นในเรื่องนี้ก็คือ นางฮวย เป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร ในขณะที่นางฮวย มีสติสัมปชัญญะ เงื่อนไขการเบิกเงินก็คือลงลายมือชื่อธรรมดา พอนางฮวย เจ็บป่วย จำเลย ก็คือลูกสาว กับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ได้ร่วมกันเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของการจ่ายเงิน จากเดิม ลงลายมือชื่อ เปลี่ยนเป็น การปั๊มลายนิ้วมือ หลังจากเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเบิกจ่ายเงิน ก็มีการนำเงินของอาม่าฮวยออกจากบัญชีไป ซึ่งในลักษณะนี้เข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร ในวันนี้ทางสำนักอัยการ รวมถึงทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความนางฮวย ซึ่งเป็นโจทก์ร่วมของทางอาม่าฮวย ก็ได้ร่วมต่อสู้คดีมาจนถึงวันนี้ ที่ศาลได้นัดฟังคำพิพากษา นอกจากนี้ คดีนี้ยังพ่วงในส่วนคดีแพ่งด้วย ในส่วนของคดีแพ่ง ได้มีการฟ้องจำเลยในคดีนี้ รวมถึงทางธนาคารซึ่งเป็นต้นสังกัดของบัญชีนางฮวย ที่ได้มีการปล่อยปละให้มีการกระทำในลักษณะดังกล่าว ซึ่งอาจจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปว่า ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม ที่ได้รับฝากทรัพย์ของบุคคลเหล่านั้น ควรจะมีความระมัดระวังในขณะที่ตัวบุคคลเจ้าของบัญชีอยู่ในอาการที่ไม่พึงประสงค์ไม่สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ ได้ ในส่วนค่าเสียหายของคดีแพ่งนั้นได้เรียกตามในคดีอาญา รวม 200 กว่าล้าน

เมื่อถึงเวลาศาลได้อ่านคำพิพากษา ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิด ฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม และลักทรัพย์ ทั้ง 2 ข้อหา รวม 84 กระทง คงจำคุก รวม 20 ปี และใช้เงินคืนแก่โจทก์ 123 ล้านบาท จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา จำเลยที่ 2, 3, 5 ยกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีเกี่ยวพันกันในส่วนแพ่ง นางฮวย ยังได้ยื่นฟ้องธนาคารกสิกรไทย จำกัด เจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย อีก 4 คน รวมถึงนางมาวดี ลูกสาวด้วยเรียกเงินคืน จำนวน 350,357,168.92 บาท ที่ศาลแพ่งพระโขนง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ผบ.7421/2562ฯ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล

โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ย.65 ที่ผ่านมาศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนจำคุก 12 ปี โดยไม่รอลงอาญา คดี นางมาวดี อายุ 56 ปี ในความผิดฐานลักทรัพย์ กรณีเมื่อปี พ.ศ. 2560 ได้ก่อเหตุทยอยถอนเงินในบัญชีกว่า 24 ล้านบาท

ต่อมา นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ นางมาวดี ศรีวิรัตน์ ลูกสาวอาม่าฮวย ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ 2 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์

โดยนายกฤษฎา เปิดเผยว่า ศาลชั้นต้นเห็นควรส่งให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาประกัน คาดว่าผลคำสั่งคงจะออกมาในวันพรุ่งนี้

ภายหลังหมดเวลาราชการ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวนางมาวดีไปคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลางจนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวหรือไม่.