สืบเนื่องจาก กรณีเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ทนายความของ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ “นอท กองสลากพลัส” เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ณ ศูนย์คดียาเสพติด เนื่องจาก นายพันธ์ธวัช ถูกหมายเรียกให้การในฐานะพยาน หลังจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ขยายผลสืบสวนจากมูลฐานความผิดเกี่ยวกับขบวนการฟอกเงินยาเสพติดการพนันออนไลน์ ปรากฏมีหนึ่งในผู้ต้องหารายสำคัญ ที่ดีเอสไอจับกุมไป มีพฤติการณ์การโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารนายพันธ์ธวัช จำนวนหลายสิบล้านบาท จึงเป็นเหตุให้ดีเอสไอดำเนินการออกหมายเรียกให้นายพันธ์ธวัช เข้าให้ปากคำในสถานะพยานในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เพื่อชี้แจงถึงการรับเงินก้อนดังกล่าว รวมถึงระหว่างสัปดาห์ต้นเดือนมกราคมนี้ ยังมีพยานอีก 7 รายที่จะต้องเข้าให้การในฐานะพยานเช่นเดียวกัน ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ได้รับการเปิดเผยจาก คณะทำงานศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษว่า สำหรับพยาน 7 รายที่ดีเอสไอออกหมายเรียกให้เข้าให้ปากคำในฐานะพยานเช่นเดียวกับนายพันธ์ธวัชนั้น เนื่องมาจาก 1 ใน 7 รายนี้ เป็นหัวหน้าระดับสูงของหัวโจกรายสำคัญในขบวนการฟอกเงินที่ดีเอสไอจับกุมไปได้ซึ่งหัวหน้าระดับสูงรายนี้ มีพยานหลักฐานอันเชื่อได้ว่ามีหน้าที่บงการให้ขบวนการฟอกเงิน โอนเงินเข้าบัญชีของ นายพันธ์ธวัช

อย่างไรก็ตาม ตนได้รับรายงานว่าทางพยานรายนี้น่าจะมีการเลื่อนนัดหมาย จากเดิมที่ต้องเข้าให้การในวันพรุ่งนี้ (10 ม.ค.) คาดว่าขอเลื่อนเป็นระหว่างวันที่ 11-12 ม.ค.แทน ซึ่งในวันสอบปากคำ คณะทำงานก็จะสอบถามในประเด็นความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับขบวนการฟอกเงิน เพราะร่องรอยที่พนักงานสอบสวนพบนั้น เป็นร่องรอยของการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลรายนี้กับขบวนการฟอกเงินที่ดีเอสไอจับกุมไปก่อนหน้า และพบว่าเป็นการติดต่อสื่อสารยิงระยะเวลาหลายปี นอกจากนี้ ในบรรดาพยาน 7 ราย บุคคลนี้ไม่ใช่หัวหน้าระดับสูงของขบวนการฟอกเงินเพียงคนเดียว แต่มีอีกหลายราย แต่เพียงแค่คณะทำงานต้องสอบปากคำรายนี้ก่อน

คณะทำงานศูนย์คดียาเสพติด เผยอีกว่า ในวันนี้ คณะทำงานยังได้ออกหมายเรียกในสถานะพยานเพิ่มเติมอีก 4 ราย เพื่อมาสอบข้อเท็จจริงว่าฟังขึ้นหรือไม่ โดยหมายเรียกเพิ่มเติมนี้มีสาเหตุมาจากการขยายผล อย่างไรก็ตาม ทั้งหมด 4 รายนี้จะทยอยเข้าให้การภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งทั้งหมดมีบทบาทเป็นชุดม้า พนักงานบัญชีม้า ทั้งนี้ คณะทำงานศูนย์คดียาเสพติด เผยด้วยว่า สำหรับคดีนี้ได้มีการออกหมายเรียกรวมทั้งสิ้น 65 ราย แต่ในจำนวนนี้มีพยานสำคัญเพียง 7 ราย ซึ่งมีบทบาทเป็นหัวหน้าระดับสูงของขบวนการฟอกเงิน ตามที่อธิบดีดีเอสไอได้เรียนแจ้งแก่สาธารณะ

ขณะที่ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ในเส้นทางการเงินที่คณะทำงานรวบรวมพยานหลักฐานและขยายผลมาได้ต่อเนื่องนั้น พบว่ามีหลายกลุ่มทุนที่โอนเงินเข้าบัญชีนายพันธ์ธวัช ซึ่งมาจากหลากหลายทาง มิใช่เพียงยอดตัวเลข 42 ล้านบาทเท่านั้น คาดว่ากลุ่มทุนเหล่านี้เล็งเห็นว่าธุรกิจกองสลากพลัส เป็นการดำเนินกิจการที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเข้ามาลงทุนตรงนี้ แต่อย่างไรก็ตามกรมสอบสวนคดีพิเศษเราให้ความเป็นธรรมกับพยานทุกราย ขอเพียงแค่ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นที่พนักงานสอบสวนสอบถามให้ได้เพียงเท่านั้น.