เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat เกี่ยวกับ “การฟอกขาว” ของปะการังในเขตอนุรักษ์ จ.ระยอง โดยระบุข้อความว่า

“ปิดฉากทริประยองด้วยแนวปะการังแห่งความทรงจำ ผมเป็นคนร่วมสำรวจที่นี่ตั้งแต่เป็นนิสิตเมื่อเกือบ 40 ปีก่อน สมัยเป็นอาจารย์หมาดๆ ก็พาลูกศิษย์มาเรียนปะการังหลายปีต่อเนื่อง ปะการังที่นี่สมบูรณ์ตามธรรมชาติ พบตั้งแต่ที่ตื้นริมฝั่งไปจนถึงขอบต่อเนื่องลงที่ลึก 7-8 เมตร เป็นตัวอย่างชั้นยอดของแนวปะการังระยอง ยังเป็นจุดที่มีหอยมือเสือมากมายเหลือเกิน เป็นพันๆ จนนักวิจัยสมัยนั้นรู้จักดี

เนื่องจากอยู่ในเขตอนุรักษ์และไม่มีชาวบ้านบนเกาะ แต่มีสถานีและเจ้าหน้าที่ดูแล แนวปะการังจึงไม่มีผลกระทบอื่นใด ไม่มีนักท่องเที่ยวดำน้ำ ไม่มีคนจับปลา จึงเป็นสถานีศึกษาชั้นยอดสำหรับการติดตามระยะยาว ปะการังก็อยู่ยาวๆ มาจนถึง 4 ปีก่อน บริเวณที่เพื่อนธรณ์เห็นเคยมีปะการังปกคลุมพื้นที่กว่า 45% จากนั้นน้ำก็ร้อน ปะการังฟอกขาว บางส่วนตาย น้ำร้อนอีกและร้อนอีก ร้อนทุกปี ปะการังที่เหลือก็ตายและตาย

มาถึงบัดนี้ สายวัดที่เราวางไป ทอดยาวทับปะการังตายกับตาย ที่มีชีวิตเหลืออยู่ไม่ถึง 5% และพวกเธอก็กำลังฟอกขาว…มองไปรอบๆ มันเป็นเหมือนกัน มีแต่ความตายทุกหนแห่ง ผมเคยเห็นแนวปะการังโดนระเบิดปลา เคยสำรวจแนวปะการังที่พังทลายเพราะการท่องเที่ยวมาไม่รู้กี่สิบที่ เคยเห็นโน่นนี่มาหมดแล้ว แต่ผมไม่เคยเห็นความตายเยี่ยงนี้ จากปีแรกที่ปะการังฟอกขาว ใจภาวนาหวังว่าจะฟื้น มาปีสองคำภาวนาไม่เป็นผล มาปีนี้ทุกอย่างมาถึงขั้นหมดอาลัยตายอยาก

เป็นทริปสำรวจที่หดหู่จนอยากร้องไห้ มองไปรอบด้าน ผมไม่เห็นต้นเหตุใดๆ ที่ทำให้พวกเธอตายพร้อมกัน มองไปบนฟ้า ผมก็มองไม่เห็น แต่ทราบดีว่ามันอยู่ที่นั่น – ก๊าซเรือนกระจก มันจึงเป็นความตายที่แทบไร้ทางแก้ เป็นกองเชือกยุ่งเหยิงพันกันจนหาปมไม่เจอ อยู่ในเขตอนุรักษ์ ไม่มีการประมง ไม่มีการท่องเที่ยว ไม่มีน้ำเสีย ไม่มีขยะ แต่ปะการังตายหมดแล้ว แล้วหอยมือเสือล่ะ? หอยมือเสือตายเกือบหมด เหลืออยู่น้อยกว่าเดิมไม่รู้กี่สิบเท่า

งานวิจัยที่โหดร้ายที่สุด คืองานสำรวจวิจัยในสถานที่แห่งความทรงจำ จุดสำรวจที่ผูกพันยาวนานค่อนชีวิต ก่อนสุดท้ายจบลงด้วยสภาพคล้ายสุสาน มันโหดร้ายต่อใจมากเลยครับ จึงนำเรื่องนี้มาบอกเพื่อนธรณ์ บอกว่าโลกร้อนคือหายนะ บอกว่ามันเกิดแล้วในทะเลไทย และมันทำลายแทบทุกชีวิต ประเทศไทยมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องให้ความสำคัญกับผลจากโลกร้อนให้มากกว่านี้มากๆๆๆๆ ผมสงสารหมีขาว แต่ความวิบัติเกิดขึ้นแล้วในทะเลไทย…”..

ขอบคุณภาพประกอบ : Thon Thamrongnawasawat