เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีเสวนา “ประเทศไทยต้องไปต่อ แต่ประยุทธ์ต้องพอเถอะ” โดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) และนายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรค ร่วมเสวนา

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ประกาศว่า ประเทศไทยต้องไปต่อ แต่ยังสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หวังส่งสัญญาณว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อ ประเทศไทยจะขาด พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะได้ ส.ส.ถึง 30 คนหรือไม่ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ควรหยุด เนื่องจากที่มาของ พล.อ.ประยุทธ์มาจากการยึดอำนาจรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แล้วนิรโทษกรรมตัวเองให้ไม่เป็นความผิด ซึ่งพรรค พท. ได้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าการยึดอำนาจเป็นความผิดไม่มีอายุความ ห้ามให้มีการยึดอำนาจและผิดต่อประเพณีการปกครองของประเทศ

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า การแต่งตั้งตัวเองเป็นนายกฯ และพยายามแต่งตั้งองคาพยพในการเสนอกฎหมายและปฏิรูปประเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสมาชิกวุฒิสมา (ส.ว.) แต่ปัจจุบันยังไม่ไปถึงไหนยังค้างในสภา ทั้งที่เขียนไว้ในท้ายรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำให้เร่งทำให้สำเร็จ แต่การดำเนินการสวนทางกับความเป็น ฉะนั้นพรรค พท. จึงเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อไม่ให้ ส.ส.โหวตนายกฯ แต่ ส.ว.บอกจะแก้มาตรา 158 เรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ตนรู้ลึกกว่านั้นว่า ส.ว.จะเสนอให้ปลดล็อกแก้ไขคุณสมบัติ ส.ว.ด้วย จากเดิมหาก ส.ว.จะสมัครเป็น ส.ส. ต้องพ้นจากตำแหน่งมาเกินกว่า 2 ปี เป็นไม่มีกำหนด หาก ส.ว.ทำแบบนี้จริงคงสุดยอดโกลาหล

ทางด้าน นายสุทิน กล่าวว่า ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์อยากจะอยู่ต่อ อยากให้พิจารณาและมองเห็นถึงข้อเท็จจริงในรัฐธรรมนูญว่า การดำรงตำแหน่งนายกฯ ต้องไม่เกิน 8 ปี ซึ่งข้อเท็จจริง พล.อ.ประยุทธ์ต้องหยุดทำหน้าที่ตั้งแต่เดือน ส.ค.65 แต่เมื่อมาถึงปี 68 กลับขอเป็นต่ออีก 2 ปี ซึ่งไม่มีข้อกฎหมายให้เป็นนายกฯ อีกครึ่งวาระ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะมาเปลี่ยนบรรทัดฐานใหม่ สร้างมรดกทางความคิดที่เลวร้ายให้ลูกหลาน ดังนั้นต้องเคารพต่อความรู้สึกประชาชนดูว่าปฏิกิริยาสังคม หรือโพลต่างๆ ว่ามีต่อตนเองอย่างไร ตนไม่เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์จะไม่รู้ว่าประชาชนเกลียดตัวเอง เพราะการเผยแพร่ข่าวสารในโซเชียลมีเดียทุกวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์เปิดทุกวัน คนในครอบครัวและลูกน้องต้องบอกอยู่แล้ว

โดยสำนึกในความรับผิดชอบต่อประเทศ หาก พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ต่อ ท่ามกลางภาพอนาคตที่จะแย่ลงกว่าวันนี้ ต้องลงทุนทำอะไรบ้าง แต่กลับเป็นว่าสร้างพรรคเฉพาะกิจตัดต่อพันธุกรรม ซึ่งเคยเกิดขึ้นในอดีต และสร้างความเสียหายให้กับประเทศมาจนถึงทุกวันนี้ และยังจะวางแผนต่อสู้อีก เช่น หนีการอภิปรายตามมาตรา 152 ทั้งที่ผลโพลบอกว่าเพื่อไทยนำ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังจะไปต่อ ซึ่งหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์วางแผนจะทำอะไรต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์จะหักเจตนาประชาชนอีกครั้งหรือไม่ สุดท้ายธรรมะ โลกนี้ต้องมีความพอดี ยกตัวอย่างระบบจักรวาล ดวงอาทิตย์มีขึ้น มีลง หากดวงอาทิตย์ไม่ลงภายใน 12 ชั่วโมง โลกจะไหม้เป็นจุล ต้องมีเวลาอยู่ที่พอดี เข่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ต้องมีเวลาที่รู้จักพอ

“ผมเชื่อว่าประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นของฝ่ายเพื่อไทยแน่ แต่หากสมมติ คุณจะเป็นรัฐบาลแบบถูลู่ถูกัง จะผ่านอภิปรายไม่ไว้วางใจทีต้องแจกกล้วย เพราะเป็นรัฐบาลแบบเป็ดง่อย อ่อนเปลี้ย อย่าทำเพื่อสนองกิเลสตัวเองอีกเลย ตอนนี้ประเทศจมดิ่งลงในโคลนแล้ว ในการอภิปรายตามมาตรา 152 ความจริงของ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องเปิดเผย เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านและประชาชน สุดท้ายจะยุบสภาหนีอภิปราย แล้วประชาชนจะลงโทษในการเลือกตั้ง” นายสุทิน กล่าว

ขณะที่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ปรากฏมีหลักฐานการคิดร่วมกันของ ส.ว. ที่ไม่ใช่แค่โยนหินถามทาง แต่เป็นความตั้งใจปลดล็อกให้สามารถเป็นนายกฯ ได้ไม่สิ้นสุด หาทางให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ ตนกังวลว่า พล.อ.ประยุทธ์จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนพรรคฝ่ายค้านร่วมกับพรรคอื่น ก็ได้เสียงเกินครึ่งในสภา สิ่งที่เกิดขึ้นคือจะมีงูเห่าเต็มสภา เพื่อให้รัฐบาลอยู่ได้ หากมีความต้องการแก้รัฐธรรมนูญ สมมุติว่าพรรค พท. ไปเป็นฝ่ายค้าน ทั้งที่คะแนนเกินครึ่ง ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญต้องได้เสียง 20% ของฝ่ายค้าน ถึงเวลานั้นจะเกิดงูเห่าเต็มสภา เพราะรัฐบาลไม่มีสเถียรภาพ และประชาชนไม่มีโอกาสยับยั้งได้

“ขอเรียกร้องให้ ส.ว.ร่วมปิดสวิตช์ตัวเองซะ เพื่อให้เลือกตั้งมีผลสะท้อนความต้องการประชาชนจริงๆ เพื่อไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เสียงเพียงพอไปต่อ” นายจาตุรนต์ กล่าว.