จากกรณีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทำร้ายร่างกายกันในห้องฉุกเฉินของ รพ.สมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ได้ เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อนตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.บัณฑิต สิงหประชาผกก สภ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ฐิติพันธ์ นิติธรรมสารพล รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.กุฉินารายณ์ และร.ต.อ.เอนก สุตนนท์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.กุฉินารายณ์เจ้าของคดี นำตัวนายซี (นามสมมุติ) เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกรุมทำร้ายร่างกายในโรงพยาบาล สมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์มาสอบปากคำร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วยพนักงานอัยการ นักจิตตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ โดยมีผู้ปกครองร่วมรับฟังด้วย ที่สำนักงานอัยการ จ.กาฬสินธุ์

ด้าน พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกันใน รพ.สมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์นั้น ขณะนี้ทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว ซึ่งมีทั้งหมด 7 คน เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 15-17 ปี ส่วนผู้เสียหายก็เป็นเยาวชนอายุ 17 ปีเช่นกัน และทั้งสองฝ่ายเป็นนักเรียนคนละโรงเรียนกัน ทั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องต้นคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมีการก่อเหตุทำร้ายร่างกายกันก่อนที่จะมีเหตุการณ์ใน รพ. สาเหตุเกิดจากเขม่นกันเรื่องส่วนตัว ก่อนที่จะเข้ามารักษาตัวใน รพ. จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้มาเยี่ยมเพื่อนของตนเองและได้เจอกัน ก่อนจะเขม่นกันอีกรอบจนก่อเหตุขึ้นดังกล่าว

จ่อออกหมาย! ตร.-สหวิชาชีพ เร่งสอบเยาวชนวัย 17 เหยื่อ 7 ทรชนบุกรุมทืบในรพ.

พล.ต.ต.สุวรรณ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้รับรายงานจาก สภ.กุฉินารายณ์ ว่า วันนี้ผู้ปกครองของเยาวชนทั้ง 7 คน จะพาบุตรหลานของตนเองเข้ามามอบตัว ซึ่งหลังจากมอบตัวและติดตามตัวครบทั้ง 7 คนแล้ว พนักงานสอบสอนจะนำตัวทั้ง 7 คน ไปสอบปากคำร่วมกับทีมสหวิชาชีพที่สำนักงานอัยการ จ.กาฬสินธุ์ ในวันพรุ่งนี้

พล.ต.ต.สุวรรณ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนเรื่องมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกนั้น ทางตำรวจจะได้กำชับไปยังทุกโรงพักให้ทำความเข้าใจและประชาสัมพันธ์กับสถานศึกษาให้เข้มงวดดูแลสอดส่องนักเรียนอย่างใกล้ชิด พร้อมฝากเตือนไปยังผู้ปกครองและนักเรียน เยาวชนให้มีสติ ซึ่งการรักเพื่อนนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องรักเพื่อนในทางที่ถูกที่ควร ไม่ใช่ไปก่อเหตุแบบนี้ ซึ่งนอกจากตนเองจะเสียประวัติแล้วยังทำให้พ่อ แม่ ผู้ปกครอง รวมทั้งบุคคลอื่นเดือดร้อนไปด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวจะต้องแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น โดยประเด็นแรกคือ การทำร้ายร่างกายกันก่อนที่จะมาก่อเหตุใน รพ. ทราบว่ามีการใช้อาวุธด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องและรวบรวมพยานหลักฐาน ในส่วนประเด็นที่ 2 เป็นการก่อเหตุทำร้ายร่างกายกันใน รพ. ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย.