เมื่อวันที่ 31 ม.ค. บรรยากาศที่สำนักสงฆ์วัดป่าประฐมเทวาราม บ้านป่าผุ ตำบลสวนหม่อน อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ยังคงเป็นไปตามปกติของทุกวันมีญาติโยมที่เลื่อมใสศรัทธาและชาวบ้านในหมู่บ้านมาถวายภัตตาหารเช้าและทำบุญที่วัดอย่างไม่ขาดสาย ขณะที่ พระสุวิทย์ ชินวโร หรือ ครูบาไก่ ภายหลังจากรับภัตตาหารจากญาติโยมเสร็จก็ให้ศีลให้พร ก่อนจะลงมาจากศาลาและไปหาช้างพังแม่บัวนา ซึ่งกำลังกินผักและผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย

โดยครูบาไก่ ได้นำผักผลไม้มาป้อนให้กับช้างพังแม่บัวนาด้วยหน้าตาที่แจ่มใส ขณะนั้นมีชาวบ้านในพื้นที่อำเภอมัญจาคีรี พากันขับรถยนต์มุ่งหน้ามาที่วัดและมุ่งตรงมาที่ช้างพังแม่บัวนา ก่อนจะสอบถามอายุของช้างพังแม่บัวนาและพลายทองหล่อว่าอายุเท่าไหร่ เพราะฝันเห็นได้อุ้มลูกช้าง โดยทางควาญช้างบอกว่าแม่บัวนา อายุ 57 ปี ส่วนพลายทองหล่อนั้น อายุ 63 ปี ก่อนที่คอหวยจะไปหาดูสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่มีผู้ค้านำมาขายภายในวัดแต่ถูกขายไปหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังจากครูบาไก่ป้อนผักและผลไม้ให้ช้างเสร็จ ก็มานั่งอยู่ที่หน้ากุฏิเพื่อรอพูดคุยพบปะกับญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด โดยมีพี่เล็กซึ่งเป็นพี่ชายครูบาไก่ รวมทั้งเณรและโยมอุปัฏฐาก คอยดูแลใกล้ชิดครูบาไก่ไม่ห่าง

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับครูบาไก่ ถึงกรณีที่นำพานขอขมาพระอุปัชฌาย์และคณะสงฆ์อำเภอมัญจาคีรี โดย ครูบาไก่ บอกว่า เป็นการขอขมาพระผู้ใหญ่ รับผิดข้อวินัยอาบัติเรื่องสรงน้ำในลำธาร และนั่งเจ็ตสกี เล่นบานาน่าโบ๊ต ต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ พระผู้ปกครองคณะสงฆ์มัญจาคีรี เพื่อให้ตักเตือนและกล่าวโทษตามข้อพระวินัย ซึ่งก็ได้ให้วาจาไว้ว่าจะไม่ทำขึ้นให้ชาวโลกได้ติเตียน ซึ่งกรณีนั้นเป็นกรณีของ โลกวัชชะ โลกติเตียน ซึ่งก็ได้มีการปลงอาบัติเป็นปกติของสงฆ์ ทุกวันพระอยู่แล้ว โดยในกรณีภาพที่ไม่เหมาะสมที่มีการเผยแพร่นั้นก็ได้มีการปลงอาบัติไปแล้ว แต่เมื่อกระแสสังคมเกิดขึ้นมากมายก็เห็นว่า ควรจะไปรับคำติเตือนจากพระผู้ใหญ่และหลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนความทางโลก ก็ตั้งใจว่าจะไปปฏิบัติธรรมเข้ากรรม อาจจะปิดวาจา หรือปฏิบัติธรรมแล้วแต่ระยะเวลาที่จะปวารณา

ในส่วนของการอาบัติดังกล่าวนั้น เป็นเพียงอาบัติปาจิตตีย์ไม่ถึงขั้นร้ายแรงที่จะต้องสึก โดยการอาบัติร้ายแรงที่จะต้องศึกและไม่สามารถกลับมาบวชอีกได้ คือการประพฤติผิดใน 4 เรื่อง คือ ฆ่าคนตาย ลักทรัพย์ อวดอุตริ และเสพสังวาส หรือเสพกาม

อย่างไรก็ตาม กรณีของครูบาไก่ ที่ทางคณะสงฆ์ที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องภาพของลับที่อิคคิวพร้อมพวกนำมากล่าวหาครูบาไก่ ยังคงยุติการตรวจสอบชั่วคราว เพื่อรอการสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการเพื่อเข้าสู่ชั้นศาล โดยจะต้องรอให้คดีถึงที่สุดจึงจะดำเนิน การตามวินัยของสงฆ์ต่อไป โดยยึดตามคำพิพากษาของศาล แต่ในส่วนของการอาบัติปาจิตตีย์ เรื่องสรงน้ำในลำธาร และนั่งเจ็ตสกี เล่นบานาน่าโบ๊ต ก็ถือว่าได้ทำการปลงอาบัติตามวินัยของสงฆ์แล้ว ก็ทำให้จบไปในส่วนนี้ เหลือเพียงเรื่องภาพของลับที่อิคคิวอ้างว่าเป็นของครูบาไก่ ที่ส่งให้เท่านั้น ในส่วนคลิปต่างๆ ที่ออกมาเพิ่มเติม ก็มีการนำแหล่งอ้างอิงมาหักล้างไปด้วยเช่นกัน