เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรณีถูกจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาจากพฤติการณ์เรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งเป็นกรณีที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน ว่า จากรายงานความก้าวหน้าการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงในเบื้องต้น พบว่า ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของข้าราชการ กรมอุทยานฯ และกระทรวงทรัพยากรฯ รวมถึงกระทบต่อความรู้สึก ความเชื่อถือศรัทธาของพี่น้องประชาชน อีกทั้งการพิจารณาพยานหลักฐานและการสอบสวนพยานบุคคลที่ถูกกล่าวหาอ้างถึง จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการสอบสวนเพื่อให้ครอบคลุมทุกข้อกล่าวหาและทุกประเด็น ซึ่งคาดว่าจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว

ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงทรัพยากรฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ร้ายแรง มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของหน่วยงาน และความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารงานของกระทรวงทรัพยากรฯ เป็นอย่างมาก หากจะให้นายรัชฎา อยู่ในหน้าที่ราชการต่อไปอาจเกิดการเสียหายแก่ราชการ ซึ่งเป็นเหตุให้พักงานได้ตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 ข้อ 78 (1) ประกอบกับพิจารณาแล้วว่า การสอบสวนในกรณีนี้จะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง มีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดอีกหลายขั้นตอน และมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ตนจึงได้ออกคำสั่งให้นายรัชฎา ออกจากราชการไว้ก่อน ตามกฎ ก.พ.ฯ ข้อ 83 โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวต่อว่า ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การสรุปผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงเป็นไปอย่างยุติธรรม และเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งการลงนามในคำสั่งให้นายรัชฎา ออกจากราชการไว้ก่อนในครั้งนี้ เป็นไปตามกฎ ก.พ.ฯ อีกทั้ง เพื่อให้สาธารชนได้รับทราบถึงความคืบหน้าของการสอบสวนของกระทรวงทรัพยากรฯ และคลายกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก “ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช”