จากกรณีพบศพ น.ส.บุญเรือน โค้วปรีชา อายุ 49 ปี สาวใหญ่ เศรษฐินีเจ้าของสวนมะพร้าวใน อ.ทับสะแก ถูกคนร้ายฆ่าอย่างโหดเหี้ยม โดยใช้จอบขุดดินกระหน่ำตีบริเวณกกหูด้านซ้ายจนกะโหลกศีรษะแตก คอด้านหลังยุบ ใบหน้าเละ บริเวณแก้มซ้ายเป็นแผลฉีกขาด กรามหัก โดยเสียชีวิตในชุดทำงานในสวน สวมรองเท้าบู๊ต สวมถุงมือยาง จากนั้นคนร้ายได้หมกศพในห้องเก็บของใต้ถุนบ้านเลขที่ 7/3 หมู่ที่ 6 บ้านหนองหอย ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว กว่า 24 ชม. โดยเหตุเกิดวันที่ 9 ก.พ. ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 10 ก.พ. พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้โย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาที่ สภ.ทับสะแก ประชุมวางแนวทางการสืบสวนหาพยานหลักฐานจับกุมคนร้ายร่วมกับ พ.ต.อ.ณฐพงศ์ มุกดาหาญ ผกก.สภ.ทับสะแก และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดฯ และชุดสืบสวน สภ.ทับสะแก ใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชม. โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าฟังแต่อย่างใด

จากนั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ พร้อมกำลัง ได้เดินทางไปยังบ้านเกิดเหตุ เพื่อตรวจสภาพแวดล้อม โดยพบว่าในที่เกิดเหตุไม่มีการต่อสู้ระหว่างผู้ตายกับคนร้ายแต่อย่างใด พร้อมเก็บหลักฐานเพิ่มเติม จากนั้นได้เชิญญาติผู้ตายไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ขณะนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งปัญหาความขัดแย้งจากการแบ่งทรัพย์สินระหว่างเครือญาติ และประเด็นชู้สาว เนื่องจากผู้ตายเป็นสาวโสดหน้าตาดี มีฐานะในขั้นเศรษฐี มีบ้านหลังใหญ่ มีสวนมะพร้าวกว่า 40 ไร่ ที่เป็นศูนย์การศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 2564 แปลงเรียนรู้เกษตรต้นแบบบ้านหนองหอย มีรายได้จากการเก็บมะพร้าวขายเดือนละหลายหมื่นบาท และยังเลี้ยงวัวพันธ์ุต่างประเทศอีกกว่า 10 ตัว มีมูลค่าหลายแสนบาท

จากการสอบสวนในเชิงลึกพบว่า มีชายหนุ่มติดพันหลายราย อาจทำให้เป็นสาเหตุมีการหึงหวงระหว่างคนที่มาติดพัน จึงลงมือสังหารก็เป็นได้

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เชิญตัวชายคนสนิทของผู้ตายรายหนึ่ง ไปสอบปากคำเครียดนานหลายชั่วโมง เนื่องจากญาติผู้ตายให้การว่า ชายคนสนิทดังกล่าวไปมาหาสู่บ้านผู้ตายเป็นประจำ แต่ยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง 

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่รอตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งพยานวัตถุที่ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามถนนสายเพชรเกษม-บ้านหนองหอย ที่สามารถระบุได้ว่า ก่อนเกิดเหตุ มีบุคคลใดใช้ยานพาหนะเดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งเร่งค้นหาโทรศัพท์ของผู้ตายที่สูญหายหลังจากพบศพ เพื่อตรวจสอบการใช้งาน เพื่อดูความเชื่อมโยงกับบุคคลต้องสงสัย

ล่าสุดจากการสอบปากคำพยานบุคคล เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่คนใกล้ชิดเป็นผู้ลงมือ เนื่องจากบ้านผู้ตายเลี้ยงสุนัขไว้จำนวนหลายตัว บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้ โดยสาเหตุการตายน่าจะมาจากเรื่องชู้สาวเหตุจากการหึงหวง และก่อนผู้ตายถูกฆ่า อาจมีปากเสียงอย่างรุนแรงกับคนร้าย จึงบันดาลโทสะจึงลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เนื่องจากบนตัวผู้ตายพบจอบ อาวุธที่คนร้ายใช้ทำร้ายผู้ตายวางอยู่บนศพผู้ตาย

พ.ต.อ.ณฐพงศ์ มุกดาหาญ ผกก.สภ.ทับสะแก กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีเทือนขวัญที่สังคมให้ความสนใจ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเร่งรัดการทำงานให้คลี่คลายคดีดังกล่าวจัดกุมคนร้ายโดยเร็ว

ด้านนางสุทธาสินี แก้วมณีโชติ อายุ 59 ปี พี่สาวของผู้ตาย กล่าวว่า ทราบว่าตำรวจได้เรียกผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งผู้ชายคนนี้มักจะเข้าออกบ้านน้องสาวบ่อยๆ แต่ตนไม่เคยพูดคุย เคยแค่เห็นผ่านๆ ซึ่งผู้ชายคนนี้มักทำตัวแปลก เวลามาที่บ้านน้องสาว หากเห็นมีคนอยู่ หรือมีญาติพี่น้องมาหา ก็มักจะไม่ลงจากรถ ซึ่งจะเห็นก็แค่ตอนขับรถผ่านหน้าบ้านเรา ซึ่งน้องสาวมักมาเล่าให้ทางพี่ๆ ฟังว่า ผู้ชายคนนี้มักชอบมาเอาเงิน มาขอเงิน เพราะทางฝ่ายชายมีหนี้สินเยอะ เคยมาบ่นให้ทางญาติๆ ฟังว่า ถ้าตนตายไปก็เพราะผู้ชายคนนี้ ซึ่งก็คาดว่าสาเหตุในครั้งนี้น่าจะเกิดจากเรื่องเงิน เพราะน้องสาวตนก็ค่อนข้างมีเงิน มีที่ดิน มีวัว