เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าภายหลัง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ออกมาเปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ก.พ. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการเซ็นคำสั่งปรับแนวเขตอุทยานฯ ทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี และนครราชสีมา เพื่อกันพื้นที่ให้รีสอร์ท และบ้านพักตากอากาศ 400 กว่าแห่ง ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ทับลาน โดยมีอดีตกำนัน ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง อยู่เบื้องหลังนั้น

นายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ในฐานะอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า พอทราบข่าวที่นายชูวิทย์เปิดเผย ตนได้ตรวจสอบข้อมูลกับผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากตนเป็นคนนำปฏิบัติการตรวจยึดบ้านพักตากอากาศ และรีสอร์ท ที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ทับลานในเขต อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี จำนวน 418 คดี ในช่วงปี 2554-2555 ในระหว่างเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ ซึ่งเชื่อว่ากรณีดังกล่าวไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นคดีไปหมดแล้ว โดยเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. ที่ประกาศทับเขตอุทยานฯ มีรีสอร์ทของกำนันคนดัง อยู่ในจำนวนนี้ด้วย

“เราต่อต้านมาตั้งแต่ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอให้ใช้แนวเขตที่จัดทำเมื่อปี 2543 ตามแนวทางของผู้ประกอบการ รีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศในพื้นที่ได้นำเสนอ เพราะหากใช้แผนที่ฉบับนี้ทั้ง 418 คดีที่จับกุมมา พื้นที่อุทยานฯ เนื้อที่กว่า 2 แสนไร่ต้องตัดออกหมด กันพื้นที่ออกไปแล้วก็จะบุกรุกต่อกันไปเรื่อยๆ สุดท้ายอุทยานฯ ทับลาน คงเหลือแต่แผนที่” นายดำรงค์ กล่าว

นายดำรงค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทราบว่ามีความพยายามดำเนินการเรื่องนี้ โดยผ่านสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ซึ่งดูจะเร่งรีบนำเข้าสู่การพิจารณาจนผิดสังเกต และอาจจะมีเรื่องการเมืองเข้ามาแอบแฝง โดยพยายามนำเรื่องแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) เข้ามาใช้ แต่ทั้งหมดต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งทราบว่าไม่ผ่านการพิจารณา 3-4 ครั้งแล้ว ดังนั้นการจะทำเรื่องนี้จึงไม่ง่ายอย่างที่คิด

ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวว่า เมื่อต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ โดยทางนางรวีวรรณ ภูริเดช ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ขอจัดประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาอุทยานฯ ทับลาน ซึ่งเป็นการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งได้ให้ข้อแนะนำไป ต้องมองในทุกมิติ ทั้งคน ทั้งข้อกฎหมายต่างๆ ส่วนความคืบหน้าวันแม็ปดำเนินการ 3-4 กลุ่มแล้ว แบ่งเป็น 7 กลุ่ม กลุ่มละ 10 กว่าจังหวัด กลุ่มไหนจัดเรียบร้อยเสนอเข้า ครม. และประกาศใช้

“เรื่องดังกล่าว ต้องดูหลายมิติ การให้หรือไม่ให้ท้ายที่สุดที่ดินก็คือของหลวง ส่วนที่เป็นคดีแล้วต้องว่ากันตามกฎหมาย ไม่ใช่ไปยกเลิก ต้องว่ากันให้จบ ผมก็ไม่ยอมเหมือนกันต้องตรงไปตรงมา คดีต้องเป็นคดี ไม่ใช่ว่าไปปรับแนวเขตแล้วคดีหลุด ไม่มี ต้องเข้มกว่าเดิม และไม่ควรมีที่ดินของนายทุน” นายจตุพร กล่าว

ทั้งนี้มีรายงานว่าเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติโดยที่ประชุมฯ เห็นชอบต่อผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ในพื้นที่กลุ่มที่ 3 จำนวน 11 จังหวัด ประกอบด้วย นครราชสีมา บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ สระแก้ว สุรินทร์ อุบลราชธานี เพชรบูรณ์ และเลย (ยกเว้นกรณีแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่) และมอบหมายให้ สคทช. นำเรื่องให้ ครม. พิจารณาต่อไป

นอกจากนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.นครราชสีมา และ จ.ปราจีนบุรี (กรณีเร่งด่วน) โดยเห็นชอบต่อผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของพื้นที่กรณีอุทยานแห่งชาติทับซ้อนกับเขตปฏิรูปที่ดิน และให้ สคทช. นำเรื่องเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

รายงานข่าวจากกรมอุทยานฯ แจ้งว่า ที่ผ่านมามีความพยายามจากหลายฝ่ายในการใช้กลไกของ สคทช. เพื่อผลักดันให้มีการประกาศใช้แผนที่วันแม็พ โดยยึดแนวเขตอุทยานฯ ที่รังวัดเมื่อปี 2543 ตามข้อเสนอของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่จะทำให้พื้นที่อุทยานฯ ทับลาน 2 แสนไร่ ถูกกันออก ซึ่งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562 และกรมอุทยานฯ คัดค้านมาโดยตลอด ซึ่งการขับเคลื่อนประเด็นนี้ในช่วงเวลานี้ เนื่องจากใกล้ครบวาระรัฐบาล.