เมื่อวันที่ 18 ก.พ. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ฟ้องฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท สืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 66 ที่เปิดข้อมูลว่า นายอุปกิตเกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงินยาเสพติด และให้ตึกเป็นที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า ตนยืนยันว่าเป็นการทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประชาชน และเป็นสิ่งที่ถูกต้อง การยื่นฟ้องเช่นนี้เป็นการพยายามเดิมๆ ที่คนแบบนายอุปกิต ชอบทำ โดยคิดว่าการสร้างความหวาดกลัวด้วยการฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนมาก จะสามารถปิดปากไม่ให้เราทำหน้าที่ ต้องไม่ลืมว่าการฟ้องดังกล่าวถือเป็นพยานหลักฐาน และตนก็ไม่เห็นว่า นายอุปกิตระบุว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นการปลอมแปลงข้อมูล

นอกจากนี้ ตนยังต้องการทำให้ประชาชนได้เห็นว่า กระบวนการยุติธรรมที่ทำต่อ ส.ว.ทรงเอ หรือนายอุปกิต เป็นอย่างไร และเรื่องนี้ต้องไปว่ากันในศาล ตนคาดหวังว่าตำรวจจะดำเนินคดีกับนายอุปกิต เหมือนกับกรณีของนายหยูซินฉี ที่เพิ่งถูกจับกุมตัวไป เมื่อหลักฐานทุกอย่างชัด ถ้าตำรวจไม่ทำ ตนจะเอาเรื่องกับตำรวจ ทั้งที่ความจริงไม่จำเป็นต้องให้ตนไปยื่น เพราะตำรวจควรจะทำหน้าที่ของตัวเอง

“ในวันที่ 28 ก.พ. 66 จะหมดสมัยประชุมสภา ความคุ้มกัน ส.ว. ในการออกหมายจับ และหมายเรียกจะหมดลงเช่นกัน ผมจึงหวังว่า วันที่ 1 มี.ค. จะเป็นวันเริ่มต้นที่ ส.ว.อุปกิต จะต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ตำรวจจะต้องทำอะไรกับเรื่องนี้ ผมจับตาดูว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบ จะกล้าทำหน้าที่ที่ตัวเองควรจะทำหรือไม่”

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ไม่ชี้แจงที่หลานตัวเองเกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าวหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กรณีหลานของ พล.อ.ประยุทธ์ ตนจะดำเนินการร้องไปที่อัยการสูงสุด แต่ความจริงสิ่งที่พูดในสภา ทุกคนควรจะรับรู้ว่า มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น จึงคาดหวังกับอัยการสูงสุดว่า ถึงเวลาต้องเรียกหลาน พล.อ.ประยุทธ์ มาสอบสวน หรือถ้าสอบสวนหลาน พล.อ.ประยุทธ์ แล้วช่วยชี้แจงแถลงไขให้ประชาชนไขข้องสงสัยด้วยว่า หลาน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดรถทัวร์ขนนักท่องเที่ยวจีนไปเสพยาอย่างไร จากนี้ตนคงจะใช้เวลาช่วงนี้ ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป จนกว่าจะพ้นจากการเป็น ส.ส.

ทางด้าน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายรังสิมันต์ อภิปรายเชื่อมโยงข้อมูลนายอุปกิต นั้น ส.ว. จะสามารถเรียกนายอุปกิต มาสอบจริยธรรม หรือดำเนินการอื่นใดควบคู่กันไปได้หรือไม่ ว่าเรื่องนี้เป็นคดีความโดยนายอุปกิต ฟ้องนายรังสิมันต์ไปแล้ว ดังนั้นยังไม่ดำเนินการอะไร เพราะว่าไม่ได้มีการยื่น และยังไม่ได้ทราบข้อมูลอย่างเเท้จริง อีกทั้ง ตนยังไม่ได้ฟังการอภิปรายจากนายรังสิมันต์ แค่ฟังมาจากข่าวเท่านั้น ซึ่งเห็นทางนายอุปกิต ก็ไปฟ้องทันที ดังนั้น การดำเนินการทางจริยธรรมของ ส.ว. ยังไม่ได้มีการดำเนินการ  

เมื่อถามว่า ส.ว. สามารถเรียกนายอุปกิตมาสอบเอง หรือว่าต้องรอให้มีคนมาร้องก่อน และในฐานะประธาน ส.ว. สามารถเรียกนายอุปกิตมาดำเนินกระบวนการสอบถามข้อเท็จจริงได้เองหรือไม่ และเรื่องนี้ กระทบกับ รทสช. รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ด้วย นายพรเพชร ตอบว่า เรื่องนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน และปกติแล้วเรื่องการอภิปราย เป็นเรื่องการอภิปรายในที่ประชุม ซึ่งก็ดีแล้วที่นายอุปกิตไปฟ้องทันที คงจะเป็นเรื่องที่ต่อสู้กันไปก่อน และเรื่องไปถึงศาล เดี๋ยวค่อยดูกันก่อนว่าเป็นอย่างไร ตนก็ตอบได้เท่านี้  

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า ส.ว. จะไม่ปกป้องกันเอง นายพรเพชร ตอบว่า มันก็มีการดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่ง ส.ว. ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ผ่านมามีการร้องเข้ามาอยู่บ้าง และยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ไม่ใช่ว่า เราจะไปดำเนินการโดยไม่มีหลักฐาน หรือมีข้อมูลผู้กล่าวอ้างที่ชัดเจน ย้ำว่าเรื่องนี้เขาไปฟ้องเป็นคดีความกันเเล้ว ทาง ส.ว. เข้าไปก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเรื่องเป็นคดีถึงศาลแล้ว