จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่ สปป.ภาค1 กรมอุทยานฯ เข้าจับกุมพ่อค้าสัตว์ป่า ในพื้นที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พร้อมซากสัตว์ป่าตัวเงินตัวทองกว่า 50 ซาก รวมทั้งยังมีชีวิตอีกเพียบ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มี.ค. เจ้าหน้าที่ในชุดจับกุมนายหนึ่ง เปิดเผยว่า สำหรับขบวนการค้าสัตว์ป่ารายนี้ ได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์มาระยะหนึ่งแล้ว ในครั้งนี้สืบทราบว่าจะมีพ่อค้ามารอรับซื้อถึงบ้าน รวมทั้งมีของกลางมาก จึงเข้าดำเนินการจับกุม ในขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ทราบภายหลังว่า มีรถกระบะอีกคัน ที่บรรทุกสัตว์ป่ามาขาย ได้หลบหนีไปได้

สำหรับสัตว์ป่าจำพวกตัวเงินตัวทองนี้ ผู้ต้องหาได้สารภาพว่ารับซื้อจากชาวบ้านในพื้นที่ทั่วไป ในราคากิโลกรัมละ 10 บาท และขายให้ พ่อค้าคนกลางในราคากิโลกรัมละ 25 บาท นอกจากนั้นมีร้านค้าขายอาหารป่า ใน จ.สุพรรณบุรี และใกล้เคียง รวมทั้งชาวบ้านบางคนที่ชอบอาหารป่า ก็มาซื้อบ้าง

ขณะที่พ่อค้าคนกลาง กล่าวว่า รับซื้อซากตัวเงินตัวทองที่เดินทางไปส่งในพื้นที่ จ.ตราด ราคาจะพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 125 บาท โดยทางปลายทางที่ไปส่ง บอกรับซื้อไม่อั้น เนื่องจากเป็นที่นิยมบริโภคอาหารเปิบพิสดารเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้คนในพื้นที่แนวชายแดน

บุกจับแก๊งโหดทุบหัวลนไฟ ‘ตัวเห้-เต่า’ ส่งขายร้านอาหารป่าเสิร์ฟพวกนิยมเปิบพิสดาร

อย่างไรก็ตาม ตัวเงินตัวทองนี้ ไม่ได้นำไปทำลูกชิ้นอย่างที่เป็นข่าวลือ แต่บรรดาร้านอาหารป่า หรือกลุ่มพวกชอบเปิบพิสดาร มักไปปรุงเป็นอาหารรสจัด เช่น ผัดเผ็ด แกงป่า ต้มยำ หรือทำลาบ โดยรสชาติเนื้อจะนุ่มกว่าตัวตะกวด ซึ่งเป็นสัตว์ป่าในตระกูลเดียวกัน อีกทั้งยังมีรสชาติเหมือนเนื้อไก่อีกด้วย

ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ทั่วไปเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ที่มีคนไปจับตัวเงินตัวทอง ด้วยเป็นสัตว์ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้เกิดความเดือดร้อน เนื่องจากเข้าไปกินเป็ดและไก่ของชาวบ้าน.