เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตัวแทนผู้เสียหายนับสิบคน เดินทางมายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่หลอกลวงเงินตั้งแต่ปี 2565 แต่คดีไม่มีความคืบหน้า โดยมี พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ นายตำรวจเวรอำนวยการเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

นายยศวินทร์ เพียรพิทักษ์ ตัวแทนของผู้เสียหาย กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปี 2564 มีผู้เสียหายถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยอดความเสียหายที่รวบรวมได้กว่า 90 ล้านบาท มีผู้เสียหาย 166 คน ได้มีการรวมตัวกันเพื่อยื่นเรื่องให้ บช.สอท. เป็นผู้ทำคดี เพราะก่อนหน้านี้ทางสอท. ไม่รับทำคดีให้โดยอ้างคำสั่งตร.ที่ 287 และคำสั่ง ตร.ที่ 77 ต่อมาสามารถรวบรวมผู้เสียหายได้เกินจำนวนที่ทางคำสั่งตร.ระบุไว้ และมียอดความเสียหายเกินจำนวน และได้เคยมาร้องขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีคอลเซ็นเตอร์แบบบูรณาการ เมื่อ 25 มี.ค. 2565 ต่อมาทางชุด PCT 5 ได้เข้าจับกุมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งจากแผนประทุษกรรม และชื่อคนร้ายที่อ้างอิงเหมือนกับคดีของผู้เสียหายในกลุ่มมากกว่า 50 คน แต่ทาง ตร.ก็นิ่งเฉยไม่ได้ตอบกลับและไม่ได้ทำอะไรให้เกิดความคืบหน้าทางคดี ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ให้กับผู้เสียหาย คดียังคงค้างอยู่ที่ สภ./สน. ซึ่งมีขีดความสามารถจำกัดในคดีที่มีรูปแบบที่ซับซ้อน ไม่มีการประสานงานกันและไม่มีศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลซึ่งบางคดีได้มีการอายัดเงินในบัญชีไว้ได้แต่ก็ไม่ได้ประสานปปง. เพื่อติดตามเส้นทางการเงินอย่างจริงจัง

นายยศวินทร์ กล่าวอีกว่า ทางนี้ทราบว่าได้มีการอายัดทรัพย์สินของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไว้ได้หลายรายการเป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งในกลุ่มของผู้เสียหายคดีได้กระจายอยู่ตามแต่ละพื้นที่ จึงอยากขอให้ ผบ.ตร.ตั้ง สอท. หรือ PCT เพื่อประสาน ขอนำคดีของผู้เสียหายทั้งหมดเข้ามารวมเป็นคดีเดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการขยายผลและความเชื่อมโยงทางการเงินของบัญชีม้า ซึ่งบัญชีม้าเหล่านี้อาจจะมีความเกี่ยวพันโยงใยกับแก๊งตู้ห่าวและขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาร่วมทำคดี เพื่อนำทรัพย์สินที่ตรวจยึดมาได้เฉลี่ยคืนเยียวยาให้กับผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อน

นอกจากนี้อีกคดีทาง นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ได้พาตัวแทนผู้เสียหายมาร้องขอความเป็นธรรมกับ ผบ.ตร. เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการหลอกลวงฉ้อโกงทุนไทยเทา ทำทีปิดบัตรเครดิตหลอกลวงให้เป็นหนี้ มีผู้เสียหายกว่า 10 คน มูลค่าความเสียหาย 10 ล้านบาท

น.ส.พรประภา เอกภพธาริน ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตั้งแต่กลางปี 2565 ได้รู้จักกลุ่มดังกล่าวจากเพจเฟซบุ๊กประเภทรับปิดหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ช่วยเหลือคนจน สุดท้ายแล้วเป็นการล่อลวงหลอกให้มากู้ซื้อคอนโดซื้อบ้าน โดยตนถูก น.ส.กวาง หลอกลวงในเรื่องคอนโดเงินเหลือเงินเกิน เพื่อต้องการเงินไปช่วยเพื่อน 3 คน ที่อยากจะเคลียร์หนี้บัตรเครดิต ซึ่ง น.ส.กวาง ได้เสนอตัวอ้างว่าสามารถเคลียร์หนี้ให้ได้ เมื่อเราหลงเชื่อก็เริ่มมีการเก็บเอกสารต่างๆ และอ้างว่าต้องปิดหนี้บางส่วน ก่อนจะชักชวนให้ตนออกทุน เป็นนายทุนปิดหนี้ให้กับลูกค้า โดยเสนอผลประโยชน์เกินจริง เช่น 10 วันจะให้ผลตอบแทน 5 % รวมมูลค่าความเสียหายที่ตนถูกหลอกไป 1.5 ล้านบาท ทั้งนี้มีผู้เสียหายบางคนเคยจะไปแจ้งความที่ สน.สายไหม แต่ทางตำรวจแจ้งว่าให้คิดให้ดีๆ เพราะไม่มีใครเอาผิดเขาได้เพราะมีการโชว์นามบัตรของข้าราชการระดับสูง.