เมื่อวันที่ 8 มี.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการตามยุทธการ ปิด JOB-SHOP ทิพย์ จับกุมขบวนการหลอกขายสินค้าและบริการผ่านโซเชียลมีเดีย Ep-1

สืบเนื่องจากปัจจุบันคดีอาชญากรรมทางออนไลน์มีแนวโน้มสูงขึ้น เห็นได้จากภาพรวมการรับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายของทาง บช.สอท. ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565-28 กุมภาพันธ์ 2566 บช.สอท. มีประชาชนเข้ามาแจ้งความที่ศูนย์รับเเจ้งความออนไลน์ของ บช.สอท. รวมกว่า 2 แสนเคส ในจำนวนนี้ เป็นเรื่องการหลอกขายสินค้าออนไลน์มากที่สุด คือ 7 หมื่นเคส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการหลอกลวงซื้อขายสินค้าและการบริการ รวมถึงการหลอกให้ร่วมลงทุนในรูปแบบต่างๆ ลักษณะคือเมื่อจ่ายเงินแล้วกลับไม่ได้รับสินค้าหรือบริการตามที่ตกลงกันไว้ ทาง บช.สอท. จึงได้นำข้อมูลที่ได้รับจากผู้เสียหายมาวิเคราะห์ โดยระบุผู้กระทำผิดได้แล้ว 35 เป้าหมาย ตามพฤติกรรมมูลฐานความผิด ก่อนเปิดปฏิบัติการกวาดล้างตามยุทธการ ปิด JOB-SHOP ทิพย์ จับกุมขบวนการหลอกขายสินค้าและบริการผ่านโซเชียลมีเดีย Ep-1 จำนวนทั้งหมด 14 เป้าหมาย 53 หมายจับ ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

จากผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 26 คน โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นตัวการของเครือข่ายได้ทั้งหมด 9 เครือข่าย รวมทั้งได้ตรวจยึดของกลางเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิด พร้อมทั้งอายัดเงินในบัญชีธนาคารของผู้กระทำผิดและบัญชีม้าที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำไปขยายผล และจะมีการปฏิบัติการต่อไปอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สำหรับ 14 เครือข่ายที่มีการออกหมายจับนั้น แบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ การหลอกลวงซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภค, การหลอกลวงซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร, การหลอกลวงร่วมลงทุนธุรกิจสกุลเงินดิจิทัล และการลงทุนรูปแบบต่างๆ และการหลอกลวงซื้อขายบัตรกำนัล การบริการการท่องเที่ยว และรับจ้างทวงหนี้

ซึ่งมีประชาชนกว่า 500 ราย ตกเป็นเหยื่อ ส่วนจำนวนความเสียหายก็มากน้อยแตกต่างกันไป มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักล้าน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 35 ล้านบาท โดยเครือข่ายที่มีความเสียหายมากที่สุด คือ เครือข่ายรับจ้างทวงหนี้กลุ่มแชร์ ซึ่งมิจฉาชีพจะอาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายอยากได้เงินคืน เข้าไปหลอกลวงว่าจะรับจ้างทวงเงินให้ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้จริง ผู้เสียหายจึงถูกหลอกถึง 2 เด้ง โดยขั้นตอนจากนี้ ทาง บช.สอท. จะเร่งดำเนินการกวาดล้างภัยออนไลน์ต่อเนื่อง รวมทั้งจะยื่นเรื่องต่อกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเสนอให้ศาลมีคำสั่งปิดกั้นเพจหรือเว็บไซต์ของกลุ่มมิจฉาชีพ ที่มีการหลอกลวงประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย.