เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 8 มี.ค. ที่มูลนิธิดวงประทีป ชุมชน 70 ไร่ ย่านคลองเตย พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค นายก่อแก้ว พิกุลทอง สมาชิกพรรค ลงพื้นที่ช่วย นายนวธันย์ ธวัชวงค์เดชากุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตคลองเตย พรรค พท. หาเสียง โดยเริ่มจากการรับฟังปัญหาในพื้นที่ 70 ไร่ จาก นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา จากนั้นนายเศรษฐาและแกนนำพรรค ได้เดินทักทายประชาชนในชุมชน 70 ไร่ โดยได้รับการตอบรับที่ดี

นายเศรษฐา กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งแรก ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่น ทราบมาว่าปัญหาพื้นที่คับแคบ แต่เมื่อได้มาฟังจากประชาชน เห็นว่าปัญหามีความซับซ้อน ต้องแก้ไขอย่างบูรณาการ อีกปัญหาคือเรื่องค่าแรง นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ในปี 70 หากได้ฉันทามติจากประชาชน ให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ตนมั่นใจว่าจะทำได้ ทุกอาชีพต้องได้ค่าแรงที่เหมาะสม โดยนโยบายภาคใหญ่ของพรรค เราต้องการให้การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่ำ 5% ในช่วงที่เราเป็นรัฐบาล ตนพร้อมทุ่มเทให้กับเรื่องการศึกษา เพราะเคยทำมาแล้วในพื้นที่ราชบุรี ในนามบริษัทแสนสิริ บริจาคเงิน 100 ล้านบาท เพราะนำเด็กนอกระบบการศึกษากลับเข้ามาสู่ระบบการศึกษา 

การลงพื้นที่ครั้งแรกต้องขอบคุณทีมงาน ทำให้ได้เห็นปัญหาจริงๆ ไม่ได้มีการจัดฉาก พบปัญหาหลายอย่างทั้งยาเสพติด การศึกษา สุขภาพ ซึ่งทุกมิติต้องแก้ไปด้วยกัน หลักการใหญ่อะไรทำได้ทำไปก่อน เชื่อว่าถ้าพรรค พท. ได้รับเลือกเข้ามา เราจะพยายามทำให้ได้ 

เมื่อถามว่าปัญหาอะไรที่จะเลือกทำก่อน นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่จะเลือกทำก่อน เพราะทุกปัญหาคือเรื่องใหญ่ต้องทำไปพร้อมๆ กัน 

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้จะลงพื้นที่ทุกเวทีกับพรรค พท. เลยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า จะพยายามไปครบทุกเวทีทุกจังหวัด โดยตนจะไปรับฟังปัญหารวบรวมข้อมูล แล้วนำมาถกกันภายในพรรคเพื่อหาทางแก้ปัญหา โดยนโยบายจะคลอดมาเรื่อยๆ 

เมื่อถามว่าในฐานะนักธุรกิจจะสื่อสารและขายความเป็นตัวเองกับประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของการขาย แต่เป็นเรื่องของการเก็บข้อมูลและเข้าใจว่าชาวบ้าน ชาวนา ชาวสวน หรือคนที่อยู่ชายขอบ ต้องการอะไร ส่วนตัวจะไปขยายเรื่องนโยบาย ความเป็นตัวตนและแสดงความจริงใจให้ประชาชนเพื่อแก้ปัญหาความเป็นอยู่ให้ประชาชน ส่วนระยะเวลาจะไปอยู่ในใจประชาชนได้หรือไม่นั้น ตอบลำบาก แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราว่าทำได้ดีขนาดไหน แต่ตนและพรรคเพื่อไทยเต็มที่ เพราะ 8 ปีที่ผ่านมา เราเจอปัญหาเยอะ ทำให้ประชาชนลำบาก จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะเสนอนโยบาย ส่วนกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้กำลังใจสำหรับการลงพื้นที่ครั้งแรกนั้น ก็ต้องขอบคุณถือเป็นกำลังใจให้กับตน 

เมื่อถามถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาระบุรู้จักกับนายเศรษฐาอย่างดี กังวลจะถูกขุดคุ้ยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรามีหน้าที่ต่างกันไป ตนมีหน้าที่ฐานะประธานที่ปรึกษาฯ แต่ที่ผ่านมาตนเป็นนักธุรกิจมาก่อน การเข้ามาสู่มิติใหม่นี้ จะบอกว่าไม่กลัวอะไรเลยก็คงจะเป็นการขู่ แต่จะทำให้ดีที่สุดหากมีคนมาแฉ จะพยายามชี้แจงให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) เตรียมจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 66 ในวันที่ 9 มี.ค. นี้ โดยมีวาระการประชุมเพื่ออนุมัติกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของพรรค ให้สอดคล้องกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง นอกจากนี้จะมีการยุบและตั้งสาขาพรรคใหม่เพื่อรองรับการทำไพรมารีโหวต รวมถึงวาระในการรับรองนโยบายต่างๆ ให้ครอบคลุมกับกรอบนโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งพรรคได้ทยอยประกาศไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยไฮไลต์สำคัญจะเป็นการปรากฏตัวพร้อมกันของ น.ส.แพทองธาร และนายเศรษฐา โดยทั้งคู่เป็นบุคคลที่ถูกวางตัวให้เป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯ