เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.กวินทิพย์ พุจารย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านช่อง ต.ไผ่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ว่า มีวัวนอนตายอยู่ที่ทุ่งนาด้านทิศเหนือของบ้านช่อง สภาพตามลำตัวและส่วนท้องถูกกัดจนไส้ทะลัก ขณะที่ลูกตาข้างหนึ่งก็หายไป หลังรับแจ้ง ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านจำนวนหลายคนกำลังยืนดูวัวเพศเมียตัวหนึ่งที่นอนตาย บริเวณส่วนท้องมีไส้ทะลักออกมา ส่วนบริเวณที่หัวพบว่าลูกตาข้างหนึ่งถูกควักออกไป เป็นภาพที่สยดสยองกับเจ้าของวัวและผู้พบเห็นจำนวนมาก

จากการสอบถามเจ้าของวัวชื่อ นายใส มาลาสุวรรณ อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 37 หมู่ 3 บ้านช่อง ต.ไผ่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ได้ความว่า ช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. ตนได้มาดูวัวที่ผูกไว้กลางทุ่งนา มาพบว่าวัวถูกฆ่าตายตามสภาพที่เห็น จึงได้แจ้งผู้นำหมู่บ้านและเพื่อนบ้านออกมาดู ขณะที่ ร.ต.ท.กฤษฎา สังข์ฤกษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.รัตนบุรี หลังรับแจ้งอุบัติเหตุได้ลงไปดูสถานที่เกิดเหตุถึงกับตะลึง เพราะไม่เชื่อว่าหากเป็นฝูงสุนัขจริง ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัว และต้องร่วมกันระมัดระวังหาทางป้องกันร่วมกัน เบื้องต้นได้ให้เจ้าของวัวผู้เสียหายไปลงบันทึกประจำวัน

นายหัด จันทร์สุวรรณ อายุ 63 ปี ชาวบ้านช่อง เชื่อว่าการตายของวัวดูจากลักษณะแล้วเหมือนถูกสัตว์ร้ายล้วงเอาเฉพาะตับไปกิน ซึ่งตนและชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะเป็นพวกผีปอบที่สิงในร่างของสุนัข จะออกล่าเหยื่อกินในเวลากลางคืน ลักษณะการกินก็จะใช้ปากล้วงกินตับ และลูกตา ซึ่งปกติวิสัยของสุนัข ไม่น่าจะกล้าฆ่าล้มวัวตัวใหญ่ ๆ ขนาดนี้ได้

ด้าน นายใส มาลาสุวรรณ อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 37 หมู่ 3 บ้านช่อง ต.ไผ่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ตนเลี้ยงวัวและปล่อยไว้ที่กลางทุ่งนาทั้งหมด 17 ตัว ตัวที่ถูกกัดวันนี้เป็นวัวพันธุ์ไทยผสม อายุก็ 2 ปี ซึ่งก็โตพอที่จะต่อสู้ป้องกันตัวจากสุนัขได้ แต่ก็ไม่ทราบว่าหากเป็นสุนัขจริง ทำไมถึงมีพฤติกรรมโหด ดุร้ายขนาดนี้ ทั้งนี้ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา มีสุนัขตัวขนาดใหญ่ จำนวน 3 ตัว ได้เข้ามารุมขย้ำวัวของตนเองตายไปแล้ว 2 ตัว ซึ่งตนได้ไปลงบันทึกประจำวันเมื่อวานนี้เอง.