จากกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพเงินสดเป็นปึก 6 ปึก แบ่งใส่ถุงกระดาษ ถุงละ 3 ปึก ผ่านเพจเฟซบุ๊ค ชื่อ “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” พร้อมข้อความระบุว่า “แฉไป ไถไป” โดยระบุว่า มีการไปไถเงินสีเทามา 50 ล้าน ก่อนทำตัวเป็นคนดีบริจาคครั้งละ 3 ล้านบาท ทำเอาโซเชียลมีเดียแห่สงสัยสอบถามกันถล่มทลาย จากนั้นนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่รอช้า รีบโพสต์ชี้แจงทันควัน โดยระบุว่าเป็นเงินของสารวัตรซัวที่ฝากตำรวจผู้ใหญ่นอกราชการมาพยายามเคลียร์ ซึ่งเจ้าตัวได้ปฏิเสธแต่ก็ยังถูกยัดเยียดจึงนำเงินดังกล่าวไปบริจาคแก่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และโรงพยาบาลศิริราช ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ SITTRA LAW FIRM อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ชั้น 24 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ ทนายษิทรา เปิดเผยว่า สำหรับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ถือเป็นไอดอลที่ตนติดตามมาตลอด ซึ่งมีผู้ใกล้ชิดระบุว่า นายชูวิทย์เป็นคนที่ใช้เงินซื้อไม่ได้ แต่ตนได้ข้อมูลมาจากหลายสาย ซึ่งมีหลานนายชูวิทย์ด้วยคนหนึ่ง และตอนนี้คงมีใครหลายคนคิดว่าตนบ้าที่จะออกมาแฉนายชูวิทย์ แต่แล้วเจ้าตัวก็ออกยอมรับเองเพราะจำนนต่อหลักฐานว่าได้รับเงิน 6 ล้านบาท มาจากสารวัตรซัว ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์จริง ซึ่งรูปเงินดังกล่าวที่ตนโพสต์ เป็นรูปเมื่อปีก่อนที่รับมาจากสารวัตรซัว โดยแบ่งจ่ายมาแล้ว 2-3 ครั้ง และยังมีเงินจากเครือข่ายอีกครั้งละ 10 ล้านบาท

‘ทนายตั้ม’นัดสื่อเฉลยปมแฉไป-ไถไป พรุ่งนี้ 10 โมง ยังไม่ตอบใช่ ‘ชูวิทย์’100%

ทนายษิทรา เผยอีกว่า นอกจากนี้ในรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งได้มีการเอ่ยถึงตำรวจนอกราชการนายหนึ่งซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 35 ที่สนิทสนมกับ นายชูวิทย์ คอยประสานงานต่าง ๆ ให้ ซึ่งตนยังทราบข้อมูลจากคนวงในอีกว่า นายชูวิทย์ มีกล่องดวงใจดวงหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่ทำธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้ากับกัญชา เป็นเสมือนมือขวา ซึ่งกล่องดวงใจดวงนี้เป็นผู้ที่พาสารวัตรซัว ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเจ้าของเว็บพนันไปพบนายชูวิทย์ ที่โรงแรมเดอะ เดวิส บางกอก เพื่อพูดคุยและให้เงินกัน

ทนายษิทรา ยังฝากคำถามถึง นายชูวิทย์ ที่เคยโพสต์เฟซบุ๊กถึง นายแทนไทย เมื่อวันที่ 21 มกราคม จากนั้นก็ไม่เคยโพสต์ถึงนายแทนไทยอีกนั้น เป็นเพราะอะไร เพราะว่ากล่องดวงใจนี้ได้พานายแทนไทย ที่เป็นเจ้าของเว็บพนันไปพบเมื่อวันตรุษจีนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนจะร้องเรียนไปยังตำรวจสอบสวนกลางให้เข้าตรวจสอบเงินสกุลดิจิทัล มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีกล่องดวงใจดวงนี้ ซึ่งเงินส่วนนี้เองที่ถูกนำไปบริจาคให้โรงพยาบาลและอื่น ๆ

ทั้งนี้ ทนายษิทรา ยังยืนยันด้วยว่า ตัวเองไม่ได้รับเงินจากเว็บไซต์พนันออนไลน์ เพราะไม่คบค้ากับคนกลุ่มนี้ หลังจากนี้ก็เตรียมใจแล้วว่าตนจะโดนอะไรบ้าง แต่ที่ออกมาแฉเป็นเพราะผิดหวังกับ นายชูวิทย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 คน ที่ตนเคยประกาศไว้ว่าจะไม่มีปัญหาด้วย และไม่ได้โกรธแค้นนายชูวิทย์เป็นการส่วนตัว แต่ไม่อยากให้มีการเลียนแบบที่ออกมาแฉแล้วเรียกผลประโยชน์ เพราะเราเคยโทรศัพท์พูดคุยกันมาก่อน พร้อมยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่เกมการเมือง เพราะตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และไม่ได้รับงานจากพรรคการเมืองคู่แค้นของนายชูวิทย์ แต่ในอนาคตก็ยินดีที่จะร่วมมือกับ นายชูวิทย์ เพื่อแฉโครงการทุจริตรถไฟฟ้า ไม่ใช่เพียงสีใดสีหนึ่ง หากนายชูวิทย์ไม่รังเกียจ ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องไปถึงผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน.