เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีที่ นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ สมคบกันฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

นายโกศลวัฒน์ ระบุว่า ในส่วนของทางคดี หลักฐานต่างๆ ที่นำไปสู่การออกข้อกล่าวหานั้น ไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากอยู่ในสำนวน แต่มั่นใจในหลักฐานที่มี พร้อมยืนยันจะให้ความธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเอง ทั้งที่ยังไม่มีหมายจับ หรือ หมายเรียกนั้น ในทางคดี ก็ถือว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาที่จะเข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ จึงไม่จำเป็นต้องควบคุมตัว ซึ่งจะส่งผลดีโดยไม่ต้องประกันตัว นอกจากนี้จะยังส่งผลดีต่อการสืบสวนหาพยานหลักฐาน เพราะจะได้ไม่มีกรอบระยะเวลาทำงาน แต่ยืนยันว่าจะเร่งทำให้เร็วที่สุด หากพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งคดีอย่างไร ก็จะยื่นให้อัยการสูงสุดพิจารณาเป็นขั้นตอนสุดท้าย โดยนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 17 เม.ย. นี้

เมื่อสอบถามว่ามีความมั่นใจเพียงใดที่จะสามารถสั่งฟ้องทางคดีได้ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่มี แต่หากพบว่ามีความผิด โทษของ ส.ว.อุปกิต จะเป็น 2 เท่า เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา

ส่วนกรณีก่อนหน้านี้ ที่พนักงานสอบสวนไปขอศาลอนุมัติออกหมายจับ ส.ว.อุปกิต ในคดีดังกล่าว แต่ขณะนั้นศาลมีความเห็นให้ออกเป็นหมายเรียกแทนนั้น ซึ่งกระบวนการดังกล่าว ทางรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด บอกว่า ยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งตนไม่สามารถพูดในกรณีนี้ได้ สำหรับคดีดังกล่าว คณะทำงานระหว่างพนักงานอัยการและตำรวจ บช.ปส.3 ได้ร่วมกันสอบสวน ซึ่งทางพนักงานอัยการเห็นควรให้ตำรวจไปสอบเพิ่มใน 4 ประเด็น ซึ่งขณะนี้ได้สอบสวนครบถ้วนทั้งหมดแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้.