เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. กล่าวถึงเหตุการณ์พ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว เพื่อแสดงออกถึงการยกเลิกมาตรา 112 ว่าใครทำผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะกฎหมายใดก็ตาม เช่น กฎหมายโบราณสถาน

เมื่อถามว่าจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ความคิดเราห้ามกันไม่ได้ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย บ้านเมืองมีขื่อมีแป ก็เหมือนกับแต่ก่อน ที่ตนพูดจะถืออะไรไปเพื่อไปที่พระบรมมหาราชวังให้ได้ ก็บอกแล้ว สถานที่นั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไปทำก็ต้องสนใจความรู้สึก หรือความศรัทธา ความรักของคนไทยที่มีต่อสถานที่นั้นด้วย เป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ที่ต้องคิดว่าใครดี ใครไม่ดี ใครถูกใครผิด

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นการปลุกกระแส ยกเลิกมาตรา 112 พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ใครทำผิดหรือไม่ทำผิด คนส่วนใหญ่ก็ต้องคิดเอง ใครดี ใครไม่ดี เท่านั้นเอง

เมื่อถามต่อว่า ในฐานะที่เป็นทหารของพระราชาและปกป้องสถาบัน รู้สึกอย่างไรบ้าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ เรามีสถาบันหลักอยู่แล้ว ตามกฎหมายเรามี เราต้องปกป้องคุ้มครองสถาบันหลักอยู่แล้ว ส่วนอยู่ในอำนาจหน้าที่ขอบเขตแค่ไหน เราก็ทำตามขอบเขตหน้าที่นั้น

เมื่อถามอีกว่า จะต้องมีการดูแลรอบพื้นที่พระบรมมหาราชวังเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า มีการดูแลอยู่แล้ว แต่ทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกันระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะประชาชนคนไทย ย้ำว่า ทหารมีอยู่แล้ว ทหารดูแลอยู่แล้ว เรารักษาความปลอดภัยในพระบรมมหาราชวังอยู่แล้ว เรามีกองรักษาการอยู่แล้วในสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวไม่มีใครคาดคิด เพราะถ้าคนดี คนปกติ คงไม่ทำ

เมื่อถามถึงกรณีมีบางพรรคการเมืองจะปลุกกระแสปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิปฏิรูปเกณฑ์ทหาร ก็แล้วแต่ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ตัดสินก็มองดูว่าเป็นอย่างไร ประเทศไหนทหารเป็นอย่างไร เกิดขึ้นยังไง ประเทศไทยตอนนี้เป็นอย่างไร มีความสงบเรียบร้อย

เมื่อถามด้วยว่า ทางออกที่ดีที่สุดในเรื่องมาตรา 112 ที่คนกลุ่มหนึ่งเขามองว่าเป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่อีกกลุ่มมองว่าให้มีมาตรา 112 อยู่ ทางออกตรงกลางจะเป็นอย่างไร พล.อ.ณรงค์พันธ์ ส่ายศีรษะพร้อมกล่าวว่า “ไม่ทราบ”

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากเหตุทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว วอนทุกฝ่ายตระหนักผลกระทบด้านจิตใจตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 66 ว่า ทหารทำร้ายผู้หญิงได้รับบาดเจ็บ ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว แต่เกรงจะไม่ได้รับเป็นธรรม จึงขอความช่วยเหลือจากสื่อสังคมออนไลน์แห่งหนึ่งนั้น 

ล่าสุดกองทัพภาคที่ 1 ขอชี้แจงว่า หน่วยต้นสังกัดของกำลังพลดังกล่าว ได้ให้การช่วยเหลือผู้หญิงคนดังกล่าว ซึ่งอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยากับกำลังพล โดยการรับรู้ของญาติทั้งสองฝ่าย ด้วยการนำเข้ารักษาตัว ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ หน่วยได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยลงโทษทางวินัยกำลังพลขั้นต้นจำขัง 30​ วัน​ โดยโทษสถานอื่น อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการฯ สำหรับคดีทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องส่วนตัว หน่วยได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี ให้เป็นไปตามกฎหมาย

ส่วนการขอคืนรถจักรยานยนต์ ซึ่งฝ่ายหญิงต้องการให้กำลังพลคืนให้นั้น หน่วยได้ส่งคืนเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่ สภ.เมืองชลบุรี ทั้งนี้ หน่วยต้นสังกัดและกำลังพล จะประสานคู่กรณีเพื่อเยียวยาด้วยความเหมาะสม เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับคู่กรณีอย่างที่สุด 

ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่กำลังพลได้แก้ปัญหาโดยใช้ความรุนแรงต่อบุคคลในครอบครัว ซึ่งหน่วยต้นสังกัดได้ดำเนินการลงโทษฐานผิดวินัยทหาร ในขณะเดียวกันพร้อมที่จะประสานความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมตามกฎหมาย เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 จะติดตามความคืบหน้าทางคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย และกำชับให้หน่วยต้นสังกัดอำนวยความสะดวกทั้งปวงในการคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น ให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ เป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหว การดำเนินการใดๆ ทุกฝ่ายต้องตระหนักถึงผลกระทบทางด้านจิตใจ และสภาวะทางสังคมอย่างรอบด้าน.