จากกรณีคณะพนักงานสอบสวน ได้มีการประชุมร่วมกันก่อนมีมติออกหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหา รวมทั้งสิ้น 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด 2.บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ส่วนอีก 2 รายที่เหลือ เป็นผู้ร่วมให้กู้ยืมเงินแก่นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ (นายทุน) จำนวนหลักร้อยล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาภายใน 15 วัน ที่ผู้ต้องหาจะต้องเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากพบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึง
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เม.ย. นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีการประชุมพิจารณาพยานหลักฐานและสรุปความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 6/2566 “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันและร่วมกันฟอกเงิน” ได้มีมติออกหมายเรียกบุคคลมารับทราบข้อกล่าวหา 4 ราย ประกอบด้วย นายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด 2.บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ส่วนอีก 2 รายที่เหลือ เป็นผู้ร่วมให้กู้ยืมเงินแก่นายพันธ์ธวัช โดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ให้นายแทนไท ณรงค์กูล เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 เม.ย. เวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์คดียาเสพติด ณ ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 ราย จะต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในช่วงสัปดาห์หลังเทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม พยานบุคคล 12 ราย ที่นายแทนไทเคยอ้างอิงก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนในฐานะพยาน ชี้แจงเรื่องเส้นเงินพัวพันกับนายพันธ์ธวัช จำนวน 200 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ก.พ. นั้น พยานทั้ง 12 ราย ต่างได้ทยอยเข้าให้การในฐานะพยานครบทุกคนแล้ว โดยคนสุดท้ายได้เข้ามาให้การเมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับคำให้การของทั้ง 12 ราย ค่อนข้างไม่เป็นผลดีต่อนายแทนไท แม้จะมีรูปแบบการตอบข้อซักถามในลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ก็มีหลายประเด็นที่พนักงานสอบสวนพบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม อาทิ พบบุคคลที่อยู่ในวงการธุรกิจสีเทา พบธุรกิจผิดกฎหมายของบุคคลเหล่านี้เพิ่มเติม เป็นต้น รวมถึงในเรื่องของการซื้อขายเหรียญ usdt ที่นายแทนไทอ้างว่า เป็นแหล่งเงินได้ของตัวเองว่า นำเงินจากธุรกิจที่ต่างประเทศมาซื้อขาย โดยอ้างถึงพยานบุคคล 2 ราย ที่มีการซื้อขายเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีดังกล่าวในตลาดมืด ซึ่งการซื้อขาย usdt ถือเป็นการซื้อขายที่ผิดกฎหมาย มีความผิดตาม พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 อัตราโทษจำคุก 3 ปี
