เมื่อวันที่ 7 เม.ย. นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ทำไม…. ?????  ทนายอนันต์ชัย จึงเป็นทนายความให้ #คุณชูวิทย์..!!! มีคนถามว่า ทำไม…. ???? ผมจึงเป็นทนายความให้คุณชูวิทย์ ผู้ใหญ่บางท่านก็ทักท้วงด้วยความเป็นห่วงผม ด้วยเห็นว่าคุณชูวิทย์ เป็นเจ้าพ่ออาบอบนวด แต่ส่วนใหญ่สนับสนุนให้ผมเป็นทนายให้คุณชูวิทย์ ทำไมเสียงจึงแตก?

ผมจึงศึกษาภูมิหลังคุณชูวิทย์อย่างจริงจัง… ทราบว่าคุณชูวิทย์เป็นคนที่ตั้งใจทำงานจะทำอะไรก็ทำจริงๆ กล้าได้ กล้าเสีย ยอมหักไม่ยอมงอ เคยประกอบธุรกิจอาบอบนวดโดยถูกกฎหมาย แต่ถูกตำรวจบางนายและข้าราชการบางหน่วยรีดไถให้ส่งส่วยมาโดยตลอด คุณชูวิทย์ไม่เคยพูด ไม่เคยแฉ ได้แต่อดทนๆ กระทั่งมีเรื่องคดีรื้อบาร์เบียร์ ซึ่งที่ดินดังกล่าวคุณชูวิทย์ได้กู้เงินซื้อมาโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ผู้ที่อยู่อาศัยกลับไม่ยอมออกจากที่ดินแม้จะพูดดีๆ แล้วก็ตาม เมื่อผู้อยู่อาศัยไม่เกรงกลัวกฎหมาย คุณชูวิทย์ไม่รู้จะทำอย่างไรจนได้รับคำแนะนำผิดๆ ของผู้มีสีบางคนว่าแบบนี้ต้องใช้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ดีมาดีตอบ ร้ายมาร้ายตอบ จนตัวเองพลาดพลั้งต้องถูกจำคุก คุณชูวิทย์จึงออกมาแฉการทุจริต คอร์รัปชั่นต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองให้สังคมได้ทราบ เป็นเหตุให้ผู้เสียผลประโยชน์โกรธกันยกใหญ่ กล่าวหาว่าคุณชูวิทย์เป็นคนไม่ดี คนสีเทา

นอกจากนี้ในระหว่างที่ถูกจำคุก คุณชูวิทย์เห็นว่าที่ดินดังกล่าวยังไม่สามารถพัฒนาทำประโยชน์อะไรได้ จึงได้นำที่ดินบางส่วนทำเป็น “#สวนชูวิทย์” ซึ่งเป็นสวนส่วนบุคคลเพื่อให้ประชาชนย่านนั้น ได้ใช้สำหรับพักผ่อนและออกกำลังกาย จัดให้มีเวลาเปิด-ปิด ที่แน่นอน มีการดูแลบำรุงรักษาโดยเสียค่าใช้จ่ายเองเดือนละไม่ต่ำกว่า 8 แสนบาท และเสียภาษีทุกปี ไม่เคยใช้เงินของกรุงเทพมหานครเลย ซึ่งผมถือว่า คุณชูวิทย์เป็นคนใจกว้างมาก การที่มีผู้มากล่าวหาว่า คุณชูวิทย์ ได้อุทิศที่ดินดังกล่าวให้เป็นสวนสาธารณะแล้วเช่นนี้ ผมถือว่า คิดน้อย คิดไม่เป็น ใจแคบและมีอคติ เพราะไม่มีนักธุรกิจคนไหนหรอกที่จะลงทุนกู้เงินจำนวนมหาศาลมาซื้อที่ดินเพื่อจะยกให้เป็นสาธารณประโยชน์ ลองคิดดูก็ได้ว่า ถ้าเป็นคุณจะยอมกู้เงินมาซื้อที่ดิน เสียดอกเบี้ยมหาศาลให้ธนาคาร แล้วยกให้เป็นสาธารณประโยชน์ไหม?

เมื่อคุณชูวิทย์ มาขอให้ผมเป็นทนายความให้ และบอกกับผมว่า “#ผมเป็นองคุลีมาลกลับใจ” อีกทั้งคุณชูวิทย์ ยังกล้าออกมาแฉพวกกลุ่มทุนสีเทา ให้เห็นเป็นประจักษ์ว่า เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม พร้อมกับพูดเสมอว่า #จะสู้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อฝากความดีไว้กับแผ่นดิน ดังนั้น ในสายตาของผมจึงมองว่า คุณชูวิทย์ เป็นคนจริงและคนกล้า…. กล้าที่จะยืนยันพูดความจริงโดยไม่หวั่นเกรงผู้มีอิทธิพลใดๆ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงตัดสินใจเป็นทนายความให้คุณชูวิทย์ โดยไม่ลังเลแต่อย่างใด

ผมจะเดินไปด้วยกันกับคุณชูวิทย์ “ในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรม แม้ไม่ถูกใจบางคนก็ตาม” ผมจึงอยากจะถามกลับไปว่า #คุณจะให้คุณชูวิทย์เดินเพียงลำพังคนเดียวหรือครับ… ????? คงไม่ต้องถามผมอีกนะครับว่า ทำไม???? ผมจึงเป็นทนายความให้คุณชูวิทย์ และผมขอกราบขอบพระคุณท่านผู้ใหญ่ และ FC ทุกความห่วงใยมา ณ ที่นี้ ครับ.