สืบเนื่องจากกรณีพีอาร์สาวถูกแฟนหนุ่มบุกทำร้ายร่างกายที่ร้านข้าวต้ม ทั้งตบตีและลากร่างไปกับพื้น จนต้องนอนโรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า 1 เดือน ทั้งฟันหัก ปากแตกเย็บปาก หัวแตก เย็บหัวเข่าทั้งสอง นิ้วโป้งมีบาดแผลทะลุถึงกระดูก จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมความรุนแรงของแฟนหนุ่ม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 19 เม.ย. นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พาญาติ น.ส.นันทิยา อัจยตโพคิน อายุ 33 ปี พีอาร์สาวร้านข้าวต้ม เข้าร้องกระทรวงยุติธรรม กัน จอมพลัง ระบุว่า วันนี้มาที่กระทรวงยุติธรรม เนื่องจากห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้บาดเจ็บ เพราะวันนี้ผู้ก่อเหตุได้รับการประกันตัว จึงกลัวว่าจะมีการบุกมาทำร้ายอีกหรือไม่ จึงมาขอชุดคุ้มครองพยาน และเงินเยียวยาต่างๆ ที่รัฐบาลจะดูแลให้ ขณะที่ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ได้ส่งสายตรวจไปดูที่บ้าน และติดตู้แดงสายตรวจเพื่อความปลอดภัยแล้ว

ด้านนางกิ่งกาญจน์ ผู้เป็นแม่ ระบุว่า ตอนแรกที่เห็นภาพรู้สึกรับไม่ได้ ทำกับน้องเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ตอนเห็นก็รู้ทันทีว่า แฟนของลูกสาวเป็นคนทำ เพราะเคยก่อเหตุแบบนี้หลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้หนักที่สุด คาดว่าจะมาจากอารมณ์หึงหวง แม่เคยเตือนลูกแล้ว แต่ลูกบอกว่าให้โอกาส และจะปรับปรุงตัวได้

นางกิ่งกาญจน์ เผยอีกว่า อยากฝากบอกผู้ก่อเหตุว่า อย่าไปทำแบบนี้กับใคร ทุกคนเป็นลูกมีพ่อมีแม่ และจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด ส่วนชีวิตตอนนี้ลำบากขึ้น เพราะแม่ก็หาเช้ากินค่ำ เป็นลูกจ้างเทศบาล สัญญาปีต่อปี ลูกสาวเป็นเสาหลักของครอบครัว ส่วนค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ เพราะเพิ่งเริ่มรักษา ต้องรักษาประมาณ 2 เดือน แต่จะกลับมาเดินได้เหมือนเดิมหรือไม่ หมอยังตอบไม่ได้

ด้าน นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นตัวแทนรับเรื่อง ระบุว่า กระทรวงยุติธรรมโดยกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพจะเข้ามาดูแล เรื่องที่ 1 คือ เยียวยาชดเชยความเสียหายที่ได้รับ ค่ารักษาพยาบาล ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ ค่าฟื้นฟูสภาพจิตใจ และเท่าที่ฟังดูได้เงินแน่นอน แต่อาจจะช้า เพราะผู้บาดเจ็บยังรักษาไม่เสร็จสิ้น โดยการเยียวยาค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ จะคำนวณจากระยะเวลาที่เข้ารับการรักษา คูณกับค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งหากทุพพลภาพจะจ่ายเป็นเงิน คูณด้วยจำนวน 1 ปี ตอนนี้จึงบอกยอดเงินไม่ได้

เรื่องที่ 2 คือเรื่องการดูแลเรื่องความปลอดภัย หากเป็นพยานในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิฯ จะดูแลพยานในเรื่องความปลอดภัย รวมไปถึงรับ-ส่งพยานในการเบิกความในชั้นศาล หรือดูแลจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ส่วนข้อแนะนำ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีครอบครัว ที่เป็นการทะเลาะกันของสามีภรรยา อาจจะต้องเสนอให้กระทรวงยุติธรรมในพื้นที่ ดูแลหาทนายความในการให้คำปรึกษาเรื่องการฟ้องหย่า ในฐานะทำร้ายร่างกายเกินกว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยาได้