เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ตำรวจ สภ.เมืองสตูล ตรวจสอบเหตุพบศพ 2 เยาวชนชาย เสียชีวิตอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางสนามบินชั่วคราว กองทัพอากาศจังหวัดสตูล ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ที่เกิดเหตุพบศพ นายฤธิรัญ วัย 17 ปี และ ด.ช.ปีมังกร วัย 11 ขวบ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ติดกัน ขณะที่พ่อแม่ของทั้งสองคนร่ำไห้แทบขาดใจที่ต้องมาสูญเสียลูกไป

พ่อของนายฤธิรัญ กล่าวว่า ลูกชายชอบเล่นว่าวเป็นชีวิตจิตใจ ตนก็ไม่ได้ห้ามอะไร เมื่อวานลูกมาขออนุญาตออกไปเล่นว่าวกับเพื่อนอีก 3 คน ณ ที่แห่งนี้เหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อวานนี้ยอมรับว่ามีฝนตกหนักหลังจากที่ฝนหยุดตกมาหลายเดือน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าลูกเสียชีวิตเกิดจากอะไร แต่สภาพคล้ายไฟไหม้ เมื่อวานนี้ก็ออกตามหาลูกกันทั้งวันแล้วแต่ไม่พบ โดยหมอดูที่จังหวัดนครศรีธรรมราช บอกว่า ลูกอยู่ทางทิศตะวันออกของจุดเกิดเหตุ เมื่อเดินไปดูก็พบลูกนอนฟุบสภาพก้มหน้าทั้งคู่ใต้ต้นเสม็ด

ส่วนเพื่อนของผู้ตายทั้งสอง เล่าว่า เมื่อวานนี้ขณะที่เล่นว่าวกันอยู่ 4 คน ช่วงบ่ายกลับมีฝนตกหนัก ท้องฟ้ามืดครึ้ม มีเพื่อนคนหนึ่งทางบ้านโทรฯ มาตามจึงรีบกลับไปก่อน ขณะที่เพื่อนอีกคนแยกไปทำธุระเสร็จก็รีบฝ่าสายฝนมาหานายฤธิรัญ และ ด.ช.ปีมังกร เพราะคิดว่าเพื่อนต้องไม่มีที่หลบฝนแน่ และมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังมาก แต่เมื่อมาถึงกลับไม่เจอเพื่อนทั้ง 2 จึงรีบไปบอกครอบครัวของเพื่อนให้มาช่วยกันตามหาตั้งแต่เย็นเมื่อวานนี้แต่ไม่เจอ ก่อนจะออกตามหาอีกครั้งวันนี้ และเดินไปเห็นเสื้อสีม่วงคล้ายของเพื่อนใส่ เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าเพื่อนทั้ง 2 นอนฟุบเสียชีวิตแล้ว

ขณะที่ นายอับดลมานับ หลงหัน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกดตรี ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้บริการวิ่งออกกำลังกายภายในสนามบินชั่วคราวกองทัพอากาศนี้ เปิดเผยว่า จากที่ดูสภาพศพของหนุ่มน้อยทั้งสอง เชื่อได้ว่าถูกสายฟ้าฟาดขณะมาเล่นว่าวยังสนามว่าวระดับประเทศแห่งนี้ ซึ่งเป็นภาพที่สลดใจของผู้พบเห็นที่จะต้องสูญเสียเยาวชนอนุรักษ์ว่าวไทยทั้งที่ไม่น่าเกิดเหตุ พร้อมจะนำเรื่องสุดสลดนี้เข้าที่ประชุมระดับจังหวัดเพื่อหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย หรือให้มีการทำป้ายเตือนสำหรับผู้เล่นว่าวในที่โล่งแจ้ง โดยโบราณเขาก็ไม่ให้มีการหลบฟ้าร้องใต้ต้นไม้ ซึ่งเด็กอาจจะยังไม่ทราบจนเป็นเหตุให้ต้องสูญเสียชีวิตในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งศพเยาวชนทั้งสองไปชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป.