เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่บริเวณป้ายรถเมล์ หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำโดย นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรค ก้าวไกล นำทีมปราศรัยเพื่อแนะนำผู้สมัครส.ส.กทม. ประกอบด้วย 1.นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ เขต 9 บางเขน (เฉพาะแขวงอนุสาวรีย์), จตุจักร (เฉพาะแขวงจันทรเกษม และแขวงเสนานิคม), หลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน), 2.นายชยพล สะท้อนดี เขต 8 หลักสี่ (ยกเว้นแขวงตลาดบางเขน), จตุจักร (ยกเว้นแขวงจันทรเกษม และแขวงเสนานิคม) และ 3.น.ส.ภัสริน รามวงศ์ เขต 7 บางซื่อ, ดุสิต (เฉพาะแขวงถนนนครไชยศรี) โดยมีประชาชน และแฟนคลับมานั่งรอฟังปราศรัยจนเต็มฟุตปาธ รวมถึงบริเวณทางเดินเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่มีคนคอยตะโกนส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจอยู่ตลอดการปราศรัย

นายศุภณัฐ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ปัญหาค่าไฟแพงอธิบายง่ายๆ ว่า จากสถิติเมื่อปี 2565 ประเทศไทยมีโรงไฟฟ้า 13 โรง ซึ่ง 7 โรงไม่ได้ใช้งาน แต่เรากลับต้องนำเงินที่จ่ายค่าไฟไปโปะ เพราะรัฐบาลได้ไปเซ็นสัญญากับบริษัทเอกชนเหล่านี้เพื่อการันตีว่าจะได้กำไร ทั้งที่ไม่มีธุรกิจไหนที่ทำกับภาครัฐแล้วต้องได้กำไรทุกครั้ง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ค่าไฟแพง ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะเข้าไปรื้อสัญญาเหล่านี้ และแก้ไขทำให้ค่าไฟถูกลง เราจะพลิกโฉมประเทศของเราโดยไม่ต้องไปพึ่งพาโรงไฟฟ้าเหล่านี้ โดยการติดตั้งโซลาร์เซลล์ พรรคก้าวไกลจะผลักดันอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ภายในประเทศไทย และไม่ต้องพึ่งพานำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เข้าถึงโซลาร์เซลล์ราคาถูก หากใช้ไฟไม่หมด ก็สามารถขายไฟคืนการไฟฟ้า ฉะนั้นหลังคาที่บ้านของทุกคนจะสร้างรายได้ให้กับเราได้

นายศุภณัฐ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลจะทำรัฐสวัสดิการคือ การสร้างมาตรฐานขั้นต่ำสุดให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน เช่น คลอดปั๊บรับ 3,000 บาท เบี้ยเด็กเล็ก 0-6 ขวบ ได้เดือนละ 1,200 บาท และที่เป็นไฮไลต์ถูกใจผู้ใหญ่ทุกคน คือ เบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท โดยเราจะนำเงินจากการเก็บภาษี เช่น การเก็บภาษีรวมแปลง และภาษีสินทรัพย์ เป็นต้น มาจัดทำนโยบายเพื่อพี่น้องประชาชน

“ลุกขึ้นจากความกลัว ลุกขึ้นจากความเจ็บแค้น ลุกขึ้นจากความสิ้นหวัง ถึงเวลาแล้วที่เราต้องลุกขึ้นสู้ หมดเวลาแล้วที่เราจะถอย รุ่งอรุณของวันใหม่ ก้าวแรกเพื่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรัฐ ก้าวต่อไปเพื่ออนาคตของพวกเรา เลือกก้าวไกลเพื่อกำหนดหน้าตาของรัฐบาลในอนาคต เลือกศุภณัฐเข้าไปเพื่อประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” นายศุภณัฐ กล่าว

จากนั้น นายธนาธร ปราศรัยตอนหนึ่งว่า เหลืออีกไม่ถึง 20 วันจะถึงการเลือกตั้งครั้งสำคัญของประเทศไทย ความขัดแย้งทางการเมืองที่เราอยู่มาในรอบนี้ จุดกำเนิดคือการทำรัฐประหารปี 2549 หรือ 17 ปีที่แล้ว เป็นความขัดแย้งที่ยาวนาน ระหว่างฝ่ายหนึ่งที่ต้องการพาประเทศไทยไปข้างหน้า ไปสู่ความเจริญ และความเป็นประชาธิปไตยกับอีกฝ่ายหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากระบบระเบียบสังคมแบบปัจจุบัน และไม่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการเห็นประเทศไทยเดินไปข้างหน้า เพราะการเดินไปข้างหน้าหมายถึง ระบบระเบียบสังคมที่ต้องเปลี่ยนไป หมายถึงผลประโยชน์ทางอำนาจทางเศรษฐกิจของตัวเองต้องลดลง และสิ่งต่างๆ จะต้องนำมาแบ่งปันกับประชาชนมากขึ้น ดังนั้น จึงมีคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามฉุดรั้งประเทศไทยไม่ให้ไปข้างหน้า โดยไม่เคยเกรงอกเกรงใจประชาชน และไม่เคยเห็นหัวประชาชน

นายธนาธร กล่าวว่า 17 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรัฐประหาร 2 ครั้ง คือ กันยายน 2549 และพฤษภาคม 2557 มีการยุบพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยไป 4 ครั้ง พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักษาชาติ และพรรคอนาคตใหม่ มีการฉีกรัฐธรรมนูญและเขียนใหม่ขึ้นมา พร้อมประกาศว่าจะแช่แข็งประเทศไทย 20 ปี มีการสลายการชุมนุมของประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างร้ายแรงในปี 2553 จับคนเห็นต่างเข้าคุกเข้าตะรางลิดรอนสิทธิเสรีภาพ

นายธนาธร กล่าวต่อว่า หนังสือภาษาพาที ป. 5 นี่คือตัวอย่างของการความพยายามขังประเทศไทยไว้ที่จุดเดิม สอนให้คนเชื่ออยู่กับระบบแบบนี้ จนก็จนต่อไป อย่าริอ่านมาเรียกร้อง อย่าริอ่านฝันถึงสิทธิเสรีภาพ อย่าริอ่านฝันถึงสังคมที่ดีกว่า ให้เชื่อในบาปบุญคุณโทษต่อไป ที่จนมาเพราะทำบุญมาไม่พอ อย่าไปคิดว่าที่สังคมเหลื่อมล้ำเป็นเพราะสังคมและการเมืองไม่ดี เขาพยายามทำให้เราเชื่ออย่างนั้น และนี่คือผลพวงของความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดมา 17 ปี

“การเลือกตั้งครั้งนี้คือการพาสังคมไทยหลุดออกจากความขัดแย้งทางการเมืองในรอบ 17 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ด้วยการบอกให้มาปรองดองกัน การปรองดองสมัยนี้ที่พูดกันหมายความว่า พวกคุณอย่าเดินขบวน ก้มหน้าก้มตายอมรับกับระบบระเบียบสังคมอย่างนี้ต่อไป เก็บปัญหาซุกไว้ใต้พรมต่อไป” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวต่อว่า ความสำคัญของบัตรสองใบ คือ ใบเลือกพรรค เอาไปปักธงทางความคิดให้คนเห็นว่าประเทศไทยต้องการความเปลี่ยนแปลง ส่วนอีกใบเลือกคน เอาไปสร้างอำนาจต่อรองเพื่อผลักดันเรื่องยากๆ ประเทศไทยต้องมีทางเลือก พรรคก้าวไกล จึงการโยนคำถามใส่ไปในสังคมดังๆ ว่าจะเอาไหมความก้าวหน้า ซึ่งคำตอบอยู่ในวันที่ 14 พ.ค. อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ อย่าเชื่อว่าประเทศไทยมาได้เท่านี้ อย่าเพิ่งคิดย้ายประเทศ แต่ขอให้มาสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ อนาคตประเทศไทยอยู่ในมือของทุกคน เราจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ขอโอกาสให้กับพรรคก้าวไกล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเสร็จสิ้นการปราศรัยได้มีประชาชนแห่เข้ามาขอถ่ายรูปร่วมกับ นายธนาธร และผู้สมัคร ส.ส.กทม. จำนวนมาก บางคนนำปากกาและกระดาษมาขอลายเซ็นเพื่อเก็บเป็นที่ระลึก

จากนั้น นายธนาธรได้เดินทางต่อที่ เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เพื่อช่วยหาเสียงให้กับ นายธนเดช เพ็งสุข ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 13 ลาดพร้าว (เฉพาะแขวงลาดพร้าว), บึงกุ่ม (เฉพาะแขวงนวมินทร์, แขวงนวลจันทร์ และนายวิทวัส ติชะวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 15 คันนายาว, บึงกุ่ม (เฉพาะแขวงคลองกุ่ม)