เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งเหตุสลดเป็นอุทาหรณ์ ของแม่ลูกคู่หนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบ นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ที่กำลังดูแล ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 6 ขวบ ลูกสาวที่บาดเจ็บจากอุบัติเหตุแขนขาด พร้อมเปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา ขณะพากันขี่ จยย.ออกไปเก็บผักบุ้งนำไปขายที่ตลาดนัด กัน 2 คน โดยน้องบี ซ้อนท้าย หลังจากเก็บผักบุ้งเสร็จกำลงขี่รถ จยย.กลับบ้าน ในระหว่างทางผ่านบึงบัว น้องบี เห็นบัวเยอะเลยบอกว่าอยากกินเม็ดบัว ตนจึงจอดลงไปเก็บให้ หลังเก็บเสร็จก็เป็นเวลาราว 18.30 น. อากาศเริ่มเย็น จึงเอาเสื้อคลุมของตนไปคุมให้น้องบี แล้วพากันขี่รถจยย.กลับบ้าน

นางเอ เล่าด้วยเสียงสั่นเครือว่า แต่พอขี่รถ จยย.ออกไปได้แค่ไม่นาน อยู่น้องบี ก็หล่นจากรถไป ตอนแรกคิดว่าเกาะตนไม่ดีเลยหล่นลงไป ด้วยความตกใจจึงรีบจอดรถลงไปอุ้มน้องบี เห็นเลือดออกจำนวนมาก ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเลือดจากแผลถลอกจากการหล่นรถ แต่ระหว่างนั้นน้องบี ได้พูดออกมาว่า “แขนหนูหาย” จึงรีบตรวจสอบดูถึงกับตกใจอย่างมากจึงลนลานหาแขน แต่ก็หาไม่เจอจนน้องบีบอกว่าเสื้อติดอยู่ในล้อรถ จึงรีบไปดูที่เสื้อเห็นแขนได้อยู่ในเสื้อ จึงรู้ว่าเสื้อที่คลุมให้ลูกนั้นมันตัวใหญ่เกินไปทำให้แขนเสื้อที่ยาวเข้าไปพันกับโซ่รถถูกดึงร่างน้องหล่นจากรถและดึงแขนน้องเข้าไปในสเตอร์หลังอย่างรวดเร็วจนตัดแขนซ้ายของน้องขาดทั้งแขน ซึ่งขณะเดียวกันมีพลเมืองดีเข้ามาดูและช่วยเหลือรีบพาน้องส่งโรงพยาบาลพร้อมกับได้นำแขนของน้องไปให้แพทย์ที่โรงพยาบาลด้วย

นางเอ เล่าอีกว่า พอมาถึงที่โรงพยาบาลมะการักษ์ ทางทีมแพทย์รีบเข้าช่วยเหลือและติดต่อกับแพทย์หลายโรงพยาบาล เพื่อช่วยกันดูว่าแขนสามารถต่อได้หรือไม่ ซึ่งแทบถูกโรงพยาบาลบอกว่าไม่สามารถต่อได้ หรือว่าถ้าต่อได้ก็อาจเกิดการติดเชื้อและอาจจะทำให้น้องเสียชีวิตในภายหลังได้ จึงนำเรื่องนี้มาคุยกับตน และบอกรายละเอียดต่างๆ ให้ทราบถึงการต่อแขนและผลเสียที่จะตาม ทางตนก็เห็นด้วยกับทางทีมแพทย์ ว่าไม่ต้องต่อแค่ตกแต่งบาดแผลก็พอ เพื่อที่จะรักษาชีวิตลูกสาวไว้ หลังจากเกิดเหตุมีผู้ที่ถ่ายรูปน้องขณะเกิดอุบัติเหตุได้และเอาไปโพสต์ลงใน facebook และได้มีการเล่าเรื่องราว โพสต์ขอความช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในครั้งนี้ ปรากฏว่าผ่านไปแค่ชั่วโมงเดียวมีคนเข้ามาแชร์โพสต์นี้เกือบ 6,000 แชร์ และยังมีอีกหลายเพจที่ช่วยกันแชร์เพื่อช่วยเหลือน้องในครั้งนี้ และได้มีผู้คนจำนวนมากได้โอนช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในครั้งนี้กันอย่างมากมาย แต่มาทราบภายหลังว่าทางโรงพยาบาลมะการักษ์

นายแพทย์นิสิต ศรีสมบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะการักษ์ เปิดเผยว่า เมื่อเรารับคนไข้เข้ามาหลังจากการรักษาเราก็ได้ดูถึงสิทธิของ พ.ร.บ.รถ ซึ่งรถคันที่ใช้ไม่มี พ.ร.บ.จึงไม่มีเงินของ พ.ร.บ.เข้ามาช่วยในการรักษา ทางโรงพยาบาลจึงได้ปรึกษากันและลงความคิดเห็นว่าทางโรงพยาบาลจะออกค่ารักษาให้ทุกบาททุกสตางค์ จนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล ซึ่งคาดว่ากว่าจะออกโรงพยาบาลค่าใช้จ่ายในการรักษารวมทั้งหมดน่าจะร่วมแสนบาท แต่ช่วงที่น้องกำลังรักษาตัวอยู่และข่าวนี้ได้แพร่สะพัดไปทั่ว จึงมีทั้งชาวบ้านที่ติดตามข่าวเข้ามาเยี่ยมให้กำลังใจน้องไม่ขาดสาย รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่ทราบเรื่อง โดยมี ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผวจ.กาญจนบุรี มอบหมายให้ นายอนุชา หอยสังข์ นายอำเภอท่ามะกา เป็นตัวแทนเข้าเยี่ยม พร้อมด้วย บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรีและพัฒนาสังคมจังหวัดกาญจนบุรี ภายใต้ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, สำนักงานพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรีเขต 2, นางสุธาวัลย์ แจ้งประจักษ์ ผอ.รร.เทศบาล 1 สังกัดเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่นพร้อมคณะครู ล้วนต่างเป็นห่วงน้องทางด้านการเป็นอยู่และจิตใจ จึงเข้ามาพูดคุยและให้กำลังใจไม่ขาดสาย

สำหรับหน่วยงานที่เข้ามาก็จะดูสิทธิต่างๆ ของน้องว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ อะไรที่จะช่วยเหลือได้ เพราะฐานะทางบ้านน้องถือว่ายากจน ไม่มีบ้านเป็นหลังเป็นแหล่ง มีผู้ใจบุญให้มาอาศัยในร้านขายต้นไม้ ต้องใช้ไม้พาเลทต่อกันเป็นเตียง มีมุ้ง 1 หลัง และพัดลม 1 ตัว มีอาชีพเก็บผักตามข้างทาง และผักบุ้งตามในคลอง เพื่อจะเดินขายตามตลาดนัดละแวกใกล้บ้าน เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเป็นเงินค่าไปโรงเรียนของน้อง

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามต่อว่าเงินที่คนใจบุญทุกๆ คนพี่โอนเข้ามานั้นจะนำไปใช้อะไร แม่น้องบี บอกว่านำเงินส่วนนี้เก็บไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นทุนการศึกษาของลูก และจะไว้ดูแลรักษาลูก แล้วแต่งาน เงินส่วนหนึ่งไปหาที่อยู่ที่ดีกว่าเดิมเพราะลูกสาวจะต้องโตขึ้นและอยู่กันแค่สองคนแม่ลูก เพราะตอนนี้ที่อยู่ไม่มีรั้วรอบขอบชิด นอนก็ลำบากจึงอยากจะมีห้องเช่าที่อยู่แล้วรู้สึกปลอดภัยขึ้น แล้วแม่ของน้องได้ฝากขอบคุณทุกๆ คนที่ได้โอนเงินเข้ามาช่วยพาครอบครัว ซึ่งไม่รู้ว่าทางครอบครัวจะตอบแทนยังไงได้นอกจากจะใช้เงินที่ได้มายังมีคุณค่าให้มากที่สุด