จากกรณีตำรวจ สภ.แม่ปิง จับกุม นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี หนุ่มหัวร้อนที่ขับรถเบนซ์ปาดหน้าและชักอาวุธปืนกล็อก 20 ข่มขู่คู่กรณีบนถนนเชียงใหม่-เชียงราย ขาเข้าเมือง เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา ภายหลังมีการเข้าค้นบ้านพักซึ่งทราบว่าเป็นลูกหลานนักการเมืองชื่อดัง และยังพบว่าครอบครองอาวุธปืนจำนวนมากถึง 13 กระบอก เบื้องต้นแจ้งข้อหาในความผิดฐาน พ.ร.บ.อาวุธปืน ก่อนจะได้ประกันตัวออกไป ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

แพ้เสียงแตร! ‘เบนซ์’ หัวร้อน ‘ปาดหน้า-ชักปืนขู่’ คู่กรณีกลางเมืองเชียงใหม่

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 19 พ.ค. สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ พนักงานสอบสวนได้เรียกตัว นายเอ มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม หลังจาก นายบี (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี คู่กรณีซึ่งเป็นผู้เสียหายเข้าแจ้งความเอาผิด โดยกล่าวหาว่า นายเอ บังคับขู่เข็ญทำให้ตกใจกลัวเพิ่มอีก 1 ข้อหา พร้อมกับเรียก นายบี มาให้ปากคำเพิ่มเติม ภายหลัง นายบี เปิดเผยว่า เหตุที่ตนมาแจ้งความเพิ่มเติมนั้น เนื่องจากรถถูกทุบ รอยสเกิร์ตด้านหน้าถูกขีด กระจกมองข้างเป็นรอยหลังถูกทุบ และที่จับประตูด้านคนขับเป็นรอย เพราะทางคู่กรณีพยายามกระชากประตู อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุก็รู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่กล้าขับรถที่ถูกทุบไปไหนมาไหน เพราะอีกฝ่ายได้รับการประกันตัวออกมาแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับอีกฝ่ายให้ถึงที่สุด

ด้าน พ.ต.อ.ญาณพล พัฒนชัย ผกก.สภ.แม่ปิง เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีผู้เสียหายที่ตัวผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการขับขี่รถประเภทหัวร้อนบ่อยครั้ง มีการลงสื่อโซเชียลในลักษณะของการข่มขู่ คุกคามผู้เสียหาย และทำให้ผู้เสียหายไม่มั่นใจในกระบวนการทำงานของตำรวจนั้น ในวันนี้ (19 พ.ค. 66) ทางพนักงานสอบสวนได้คุมตัว ผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลพิจารณาออกหมายขัง ในกรณีที่ตัวผู้เสียหายที่จะไปยุ่งเหยิงกับพยานและผู้เสียหาย และมีการข่มขู่ให้ผู้กล่าวหาเกิดความกลัวแล้ว

ในส่วนของคดีที่มีผู้เสียหายได้แจ้งความว่า ถูกข่มขู่คุกคามนั้น ทางตำรวจก็ต้องมีการแจ้งความเพิ่มเนื่องจากสอบสวนผู้ต้องหาแล้วรับสารภาพว่า ตนเองเป็นชายในคลิปจริง ได้ลงไปด่าทอจริง แต่ไม่ได้มีอาวุธเหมือนเคสที่เป็นข่าว ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาไปโพสต์ถึงว่าตำรวจว่าเป็นฝ่ายตนเอง เนื่องจากให้ประกันตัวนั้น ยืนยันว่า ตำรวจทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา จากการสังเกตพบว่าผู้ต้องหาเป็นบุคคลที่ชอบโพสต์โอ้อวดในโลกโซเชียลอยู่แล้ว ทางตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน โดยหลังจากสอบสวนเสร็จ ก็ได้คุมตัวไปฝากขังและคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีการใช้โซเชียลเข้าไปข่มขู่และคุกคามผู้เสียหาย.