เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 มิ.ย. นางปลา (นามสมมุติ) อายุ 59 ปี ชาว ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมด้วย น.ส.ปู (นามสมมุติ) น้า และนายโรเบิร์ต เพื่อนชาวอเมริกัน เดินทางมาพบ พ.ต.ต.เสฎฐวุฒิ ธนพลไพบูลย์ สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี เพื่อขอความช่วยเหลือลูกสาวที่ไปทำงานนวดแผนไทยที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ทำงานไม่ไหว อยากกลับบ้านแต่โดนกักตัวไว้ เพราะเป็นหนี้นายจ้าง 5 หมื่น โดยได้แจ้งความต่อ ร.ต.อ.นิวัฒน์ แจงกระโทก รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ไว้เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา

นางปลา เล่าว่า ลูกสาวชื่อ น.ส.ก้อย อายุ 38 ปี เคยทำงานนวดแผนไทยที่ร้านนวดแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ต่อมาลูกสาวได้รู้จักกับนายหน้าผู้หญิงชาวกรุงเทพฯ ชักชวนเดินทางไปทำงานนวดแผนไทยที่เมืองดูไบ ค่าเดินทาง 2.5 แสนบาท แต่ลูกสาวไม่ต้องเสียค่าดำเนินการใดๆ นายหน้าผู้หญิง ซึ่งลูกเรียกว่าป้า ได้พาไปทำพาสปอร์ต เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 66 ประมาณ 10 คน พักอยู่ที่กรุงเทพฯ ประมาณสัปดาห์ วันที่ 12 เม.ย. ได้เดินทางไปดูไบ แต่พอไปถึงดูไบลูกสาวต้องทำงานใช้หนี้ หรือแท็กให้นายหน้า 2.5 แสนบาท ทำงานนวดทุกวัน แต่ไม่ได้รับเงินเดือน เจ้าของร้านหักเงินที่ได้รับทั้งหมด

“ระยะแรกทำงานได้ดี แต่ไม่ได้เงิน ได้สอบถามนายหน้าเมื่อวันที่ 30 พ.ค. แจ้งว่า ลูกสาวเหลือแท็ก 5 หมื่นบาท ระยะหลังไม่มีงานนวด นายหน้าบอกว่าจะให้ไปอยู่ที่ร้านอื่น ซึ่งลูกสาวไม่อยากไป เพราะเกรงว่าจะพาไปขายตัว ลูกสาวไม่ยอมย้ายไปร้านอื่น จึงถูกกักขังไว้ในร้าน” นางปลา กล่าว

นางปลา เล่าต่อว่า ลูกสาวได้ส่งข้อความแชตมาขอความช่วยเหลือจากนายโรเบิร์ต เพื่อนชาวอเมริกัน ทำงานเป็นครูสอนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ซึ่งเคยเป็นลูกค้านวดมาก่อน แต่ไม่อยากให้พ่อแม่และญาติพี่น้องรู้ เกรงว่าจะเป็นทุกข์ แต่โรเบิร์ตบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ช่วยเหลือคนเดียวไม่ได้ ต้องแจ้งให้พ่อแม่รู้เพื่อไปแจ้งตำรวจให้ช่วยเหลือ ลูกสาวจึงให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกับแม่ ซึ่งนายโรเบิร์ตก็ได้โทรฯ แจ้งตน ด้วยความเป็นห่วงลูกเกรงว่าจะถูกนายจ้างขายต่อไปร้านอื่น จึงได้มาแจ้งตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือนำลูกสาวกลับบ้าน

ด้าน น.ส.ปู (นามสมมุติ) น้า น.ส.ก้อย เล่าว่า หลานสาวได้รู้จักกับนายหน้าผู้หญิงทางโซเชียล TikTok ได้ชักชวนไปทำงานนวดแผนไทยที่ดูไบ เสียค่าดำเนินการ 2.5 แสนบาท โดยนายหน้าจะเป็นคนออกเงินค่าดำเนินการทั้งหมดให้ก่อน เมื่อไปถึงหลานสาวต้องทำงานใช้แท็ก 2.5 แสนบาท โดยเงินค่านวดเจ้าของร้านจะเก็บทั้งหมด ผ่านไป 2 เดือน เหลือค่าแท็ก 5 หมื่น วันที่ 3 พ.ค. หลานสาวได้ขอความช่วยเหลือผ่านนายโรเบิร์ตมา เพราะเจ้าของร้านจะขายหลานสาวไปให้ร้านอื่น เกรงว่าจะถูกบังคับให้ขายตัวและถูกกักขังไว้ หลานจึงอยากกลับบ้าน ให้ทางบ้านส่งเงินไปให้ 5 หมื่นบาทไปจ่ายให้เจ้าของร้าน จะได้เดินทางกลับบ้าน แต่ที่บ้านไม่มีเงินส่งไปให้ เกรงว่าหลานจะถูกบังคับขายตัว หรือคิดสั้นจึงมาขอความช่วยเหลือจากตำรวจ

ส่วน นายโรเบิร์ต เล่าว่า ตนเป็นเพื่อนกับ น.ส.ก้อย รู้จักกันเพราะเคยไปเป็นลูกค้านวดแผนไทย ตนและ น.ส.ก้อย ไปเที่ยวกินดื่มด้วยกัน จนสนิทสนมกัน พอ น.ส.ก้อย ส่งข้อความมาหาเพื่อขอความช่วยเหลือ ตนเห็นเพื่อนเป็นทุกข์ จึงอยากช่วยเหลือด้วยการได้แจ้งแม่และญาติให้ทราบ

พ.ต.ต.เสฎฐวุฒิ ธนพลไพบูลย์ สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี กล่าวว่า จะได้รวบรวมข้อมูลจากญาติเพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือต่อไป.