เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 20.00 น. วานนี้ (4 มิ.ย.) พ.ต.ท.พัชร์ธนพล รัชตาธารากาญจน์ สว.(สอบสวน) จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้ไขควงจี้ชิงทรัพย์เงินสดกว่า 2 แสนบาท ที่ ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หมู่ 1 ถนนเทพรัตน ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จึงรายงาน พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บางพลี เดินทางตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณชั้นที่ 1 ร้านรีวายส์ ใกล้ทางออกพบคนร้าย ทราบชื่อ นายทวีศักดิ์ พลาเลิศ อายุ 37 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจสุวรรณภูมิ ควบคุมตัวอยู่ พร้อมของกลางเงินสด 207,000 บาท ที่ใส่อยู่ในถุงพาสติก และไขควงวัดไฟ หลังก่อเหตุใช้ไขควงจี้ที่ด้านหลังพนักงานธนาคารทหารไทยธนชาต บังคับให้นำเงินใส่ถุง ก่อนจะจี้พนักงานธนาคารรายดังกล่าวเดินออกมาจากธนาคาร จนเกือบถึงบันไดเลื่อน แล้ววิ่งหนีลงมาชั้นที่ 1 จนถูกเจ้าหน้าที่ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจสุวรรณภูมิ ช่วยกันล้อมจับและควบคุมตัวไว้ได้

จากการสอบถาม นายสุริพงศ์ เจริญหทัยรัตน์ อายุ 30 ปี หนึ่งในพนักงาน รปภ. ที่เข้าไปจับกุม บอกว่า ตอนนั้นตนเองกำลังเข้าเวรอยู่ภายในห้างและเป็นช่วงที่ธนาคารต่างๆ ในห้างกำลังปิด จึงเป็นช่วงที่ถูกวางมาตรการป้องกันเหตุไว้ จังหวะที่กำลังเดินตรวจตราในห้างอยู่นั้น วิทยุก็แจ้งว่ามีสัญญาณแจ้งภัยของธนาคารดัง ตอนแรกตนก็ยังไม่ทราบว่าเป็นธนาคารไหน เพราะตอนนั้นทุกอย่างยังคงปกติ กระทั่งพบว่ามีคนร้ายจับตัวพนักงานเป็นตัวประกันเดินออกมาจากธนาคาร แล้ววิ่งหนีลงบันได้เลื่อน จึงวิ่งตาม ก่อนจะช่วยกันจับกุมตัวเอาไว้ได้

ส่วน นายอลงกรณ์ ฤกษ์ตุลา อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่ รปภ. อีกคนที่เข้าไปล็อกตัวคนร้ายรายนี้ และ รปภ.คนนี้ดีกรีเป็นถึงอดีตนักมวยเก่า จึงมีความกล้าในการจับกุมคนร้าย เจ้าตัวเล่าว่า ตอนนั้นเข้าเวรในห้อง รปภ. พอวิทยุแจ้งมาว่ามีคนร้ายก่อเหตุปล้นธนาคาร ตนก็รีบไป พอไปถึงก็พบว่าคนร้ายกำลังหลบหนีออกจากห้าง ซึ่งตอนนั้นมั่นใจแล้วว่าประตูทุกบานของทางห้างถูกล็อกปิดทั้งหมด จึงล้อมจับกุมคนร้ายได้ในที่สุด ถามว่ากลัวไหม นายอลงกรณ์ ตอบอย่างมั่นใจว่าไม่กลัว เพราะตนเองเป็นนักมวยเก่า

ด้าน นายทวีศักดิ์ ผู้ต้องหา ให้การทั้งน้ำตาและเอ่ยปากขอโทษพนักงานของทางธนาคาร โดยบอกว่า ตนเองไม่ได้ตั้งใจ แต่ที่ทำลงไปเพราะเป็นหนี้จากการพนันออนไลน์จำนวนกว่า 5 แสนบาท และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะต้องหาเงินไปใช้หนี้และไถ่รถที่เอาไปจำนำไว้ จึงตัดสินใจวางแผนมาก่อเหตุ โดยนั่งรถแท็กซี่มาจากริมถนนเทพรัตน กม.19 ซึ่งห่างจากห้างแห่งนี้ประมาณ 7 กิโลเมตร พอมาถึงก็เดินวนอยู่หน้าธนาคารคิดว่าจะทำดีหรือไม่ทำ แต่เพราะความที่ต้องหาเงินไปใช้หนี้ จึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุ โดยใช้ไขควงจี้เอวพนักงานเพื่อบังคับให้ส่งเงินมาให้

พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี สอบปากคำเบื้องต้นด้วยตนเอง และคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในธนาคารดังกล่าว โดยเริ่มจากการเข้าไปในธนาคาร แล้วคนร้ายเดินเข้าไปประกบพนักงานธนาคารที่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ช่องที่ 5 ซึ่งอยู่ด้านข้างของธนาคาร จากนั้นใช้ไขควงจี้เอวพนักงานหญิงคนดังกล่าว บังคับให้เปิดลิ้นชักเก็บเงินแต่ไม่มีเงิน จึงจับตัวเป็นตัวประกันเดินไปที่เคาน์เตอร์ช่องที่ 2 เพื่อให้พนักงานคนอื่นไปหยิบเงินจากตู้เซฟมาให้ ครั้งแรกไม่ทราบจำนวน แต่คนร้ายพอเห็นเงิน ก็บอกว่าไม่พอ ขอเงินเพิ่มอีก พนักงานจึงส่งเงินอีกก้อนให้ รวมทั้งสิ้น 207,000 บาท ใส่ถุงพลาสติกให้กับคนร้าย จากนั้นคนร้ายได้บังคับและจี้เอวพนักงานให้เดินออกจากธนาคารก่อนจะปล่อยตัวแล้ววิ่งหลบหนี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา นายทวีศักดิ์ ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ (ไขควง) นำตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ รปภ. ของทางห้างที่มีความกล้าหาญและสามารถช่วยกันจับกุมตัวคนร้ายได้ ซึ่งในขณะปิดล้อมก็มีการประสานตำรวจไปด้วย จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วมจับกุมตัวได้สำเร็จ ส่วนมาตรการการป้องกันนั้น ปกติแล้วทุกห้างและธนาคารจะมีตำรวจสายตรวจเดินเท้าในการป้องกันเหตุอยู่แล้ว เพียงแต่ทำได้แค่ห้างละนายเท่านั้น เนื่องจากกำลังไม่เพียงพอ หลังจากนี้จะกำชับให้สายตรวจเดินเท้าเพิ่มวงรอบในการป้องกันเหตุ และฝากเตือนนักพนันออนไลน์ให้ดูตัวอย่างคนร้ายรายนี้ หากติดพนันก็จะคิดสั้นมาก่อเหตุ จึงอยากให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับการพนัน เพราะสุดท้ายหากมาก่อเหตุ ก็ไม่สามารถหลบหนีได้พ้นทุกราย.