เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่พรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงคดีการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ว่า ยังคงมั่นใจจะชี้แจงและต่อสู้ในคดีได้ ตอนนี้รอแค่ กกต. ว่าจะประสานมายังนายพิธาและพรรคก้าวไกลเมื่อไหร่
เมื่อถามว่านายสมชาย แสวงการ ส.ว. ออกมาระบุว่า ข้อกล่าวหานายพิธาเข้าข่ายขัดกฎหมาย ใน 4 มาตรานั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นรายละเอียดที่เราเตรียมต่อสู้ในคดี
ผู้สื่อข่าวถามว่านายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ออกแสดงความคิดเห็นว่า ได้มีการเขียนคุณสมบัติของสมาชิกพรรค ล้อมาจากคุณสมบัติของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เท่ากับว่าหากนายพิธาขาดคุณสมบัติ ถือหุ้นสื่อมวลชนจะส่งผลกระทบต่อการรับรอง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย นายชัยธวัช กล่าวว่า น่าจะเป็นการตีความที่ไกลเกินไป ทั้งนี้ ยอมรับว่า ข้อบังคับพรรคมีการเขียนคุณสมบัติไว้ตามกฎหมาย แต่วันนี้เรายังไม่ไปไกลขนาดนั้น เพราะก่อนจะไปถึงเรื่องนั้น เราต้องพิจารณาก่อนว่า นายพิธามีความผิดถือหุ้นสื่อจริงหรือไม่
เมื่อถามว่า มีกระแสว่านายพิธาขายหุ้นหรือโอนหุ้นแล้วก่อนลงสมัคร นายชัยธวัช กล่าวว่า ขอให้รอดูในรายละเอียด แต่ที่จริงเรื่องนี้เป็นเรื่องของการตีความกฎหมาย และบรรทัดฐานการวินิจฉัยมีหลายกรณีที่สามารถเทียบเคียงได้ก่อนหน้านี้หลายกรณี จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่าตอนนี้เรายังไม่ได้ให้ความสำคัญกับคดีนี้ใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจกับ ส.ว. เพราะเรื่องของการถือหุ้นสื่อของนายพิธา คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก สิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนคือการเลือกนายกรัฐมนตรี เราจึงโฟกัสเรื่องของการประสานงานกับทาง ส.ว. ก่อน ซึ่งตอนนี้ต้องยอมรับว่า มีความคืบหน้าไปพอสมควร กำแพงที่เคยมีระหว่างกันลดลง หลังจากได้มีการพูดคุยกันแล้ว
นายชัยธวัช ยังกล่าวต่อถึงกรณีมีรายงานว่าการรับรอง ส.ส. ของ กกต. มีปัญหาคำร้องกว่า 20 คน ว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่า ในส่วนของพรรคก้าวไกลเข้าข่ายหรือไม่ แต่ไม่กังวล และยังไม่ได้สอบถามไปยังพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน อย่างไรก็ตาม หาก 20 คนนี้ อยู่ในฝั่งของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะมีผลต่อการโหวตเลือกนายกฯ แน่นอน ซึ่งมีการคิดล่วงหน้าไว้แล้ว หากรับรองเพียงแค่ 95% ก็จะต้องไปดูฐานของพรรคที่มาร่วมรัฐบาลว่าได้เท่าไหร่ กลางเดือนนี้น่าจะทราบผล
อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่ติด หากจะมี ส.ส. พรรคอื่นที่ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาลมาโหวตให้ เราจะได้ออกกับความขัดแย้งทางการเมืองในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา แต่ในส่วนของพรรค คงไม่เหมาะสมที่จะไปแสดงความคิดเห็น และคงไม่มีการไปเจรจาพูดคุยกับพรรคการเมือง ขอให้เป็นเรื่องของแต่ละพรรคตัดสินใจ หรืออาจมีการพูดคุยเป็นรายบุคคล เพราะอาจจะมีคนที่อยากจะโหวตให้ เพื่อรักษาระบบและเจตจำนงของประชาชนไว้
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าคำร้อง ส.ส. จะทำให้พรรคก้าวไกลลดจำนวนลงเป็นพรรคอันดับ 2 นายชัยธวัช กล่าวว่า คงไม่มีผล เพราะพรรคก้าวไกลมั่นใจว่า ที่ ส.ส. ของเราชนะการเลือกตั้งมาด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เราไม่ได้กังวลเรื่องนี้ แต่ว่าในภาพรวมต้องคิดไว้ ว่า ถ้าเกิดจำนวน ส.ส. ของซีกฝ่ายที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันลดลงในวันที่จะโหวตนายกฯ ก็คงที่จะต้องเตรียมการไว้ว่า จะต้องใช้เสียง ส.ว. มากขึ้น
นายชัยธวัชกล่าวต่อถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับประเทศไทยตามกำหนดการเดิมในเดือน ก.ค. นี้ ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของนายทักษิณว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่หากจะกลับมาก็มีกระบวนการทางกฎหมายรองรับ ทุกคนมีสิทธิที่จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายตามปกติ ส่วนกฎหมายนิรโทษกรรมที่ก้าวไกลเตรียมเสนอเข้าสภานั้น เป็นคนละส่วนกัน เรื่องนิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่มีคดีทางการเมืองที่พรรคก้าวไกลเสนอ จะเกี่ยวข้องกับคดีที่แสดงออกทางการเมือง ไม่รวมคดีทุจริตหรือการทำร้ายประชาชน