เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 มิถุนายน 2566 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย ทางเจ้าหน้าที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 นำโดย พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.กฤชมงกุฏ บูรณะภักดี ผกก.ตม.จว.หนองคาย พ.ต.ท.สมภพ กองสมบัติ พ.ต.ท.เอกวิทย์ บาดาล รอง ผกก.สส.1 พ.ต.ท.สืบวงค์ สุดหนองบัว สว.กก.1 บก.สส.ภ.4 ได้ร่วมกันส่งมอบตัว ท้าวสิระสอน คำสุขสวัสดิ์ อายุ 27 ปี สัญชาติลาว ให้กับเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สปป.ลาว ซึ่งนำโดย พันโท ไซซะนะ พูสะหวัน รองหัวหน้ากรมตำรวจสืบสวน สอบสวน สปป.ลาว และคณะ ที่เดินทางมารับตัว พร้อมของกลางทองรูปพรรณ 8 เส้น เงินสด 300,020 บาท ไปดำเนินคดีใน สปป.ลาว

จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับการประสานงานจาก พันโท สมเพชร สุโพธิ์ทิพย์ ตำแหน่งหัวหน้าแผนกสืบสวนคดีอาญา กรมตำรวจสืบสวนสอบสวน กรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ สปป.ลาว ว่าได้มีบุคคลซึ่งเป็นชายสัญญาติลาว ชื่อ “ท้าวสิระสอน คำสุขสวัสดิ์” ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองหลายครั้งในพื้นที่ สปป.ลาว แล้วหลบหนีเข้ามาภายในประเทศไทย จึงได้ประสานมายัง ตำรวจภูธรภาค 4 ติดตามจับกุม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวนทราบว่าบุคคลดังกล่าวมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปพบ ชายตำหนิรูปพรรณคล้ายกันกับ ท้าวสิระสอน คำสุขสวัสดิ์ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอตรวจสอบ สอบถามถึงชื่อ-นามสกุล ทราบว่าชื่อ ท้าวสิระสอน คำสุขสวัสดิ์ อายุ 27 ปี สัญชาติลาว จริง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางของ ท้าวสิระสอน คำสุขสวัสดิ์ พบว่า ท้าวสิระสอน คำสุขสวัสดิ์ ไม่ได้ขออนุญาตอยู่ภายในประเทศตามที่กฎหมายกำหนด จึงได้สอบถามรายละเอียดในการก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง ที่ สปป.ลาว ท้าวสิระสอน คำสุขสวัสดิ์ ยอมรับว่าก่อเหตุจริง โดยบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนใช้ปืนปลอมไปก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา กลางตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว จากนั้นก็หลบหนี ข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติ เข้ามาฝั่งไทย ก่อนจะเดินทางไป จ.ขอนแก่น ทองบางส่วนได้ขายไปแล้ว โดยได้เงินมาประมาณ 3 แสนกว่าบาท ซึ่งใช้ไปบางส่วนแล้ว และมาถูกจับกุมได้

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดของกลาง ซึ่งเป็นทองรูปพรรณ จำนวน 8 เส้น เงินสด 300,020 บาท ไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ขอนแก่น ดำเนินคดี และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ก่อนประสานทางการ สปป.ลาว รับมอบตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมด ส่งมอบให้ทางการลาว เพื่อนำตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายของ สปป.ลาว ทั้งนี้ ด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่างราชอาณาจักรไทย และ สปป.ลาว ซึ่งได้มีการประสานงานกันด้วยดีมาโดยตลอด จนสามารถนำไปสู่การจับกุมได้ในครั้งนี้.