จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ร้องสื่อให้ช่วยประสานฝ่ายงานเกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องของ น.ส.บี (นามสมมุติ) บุตรสาววัย 19 ปี ที่สอบติดคณะเภสัชฯ มหาวิทยาลัยชื่อดังได้ แต่หลังจากไปตรวจร่างกายยัง รพ. แล้วปรากฏว่า แพทย์เจอสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ ทำให้ไม่สามารถออกใบรับรองการตรวจสอบสุขภาพได้ ทั้งที่ น.ส.บี ไม่เคยไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดแต่อย่างใด เหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ น.ส.บี มีสิทธิจะพลาดการเรียนต่อ เนื่องจากต้องไปมอบตัววันที่ 30 พ.ค. 66 เบื้องต้นเชื่อว่า สารเมทแอมเฟตามีน น่าจะมาจากการทานอาหารเสริมผิวขาวยี่ห้อหนึ่งเข้าไป ซึ่งลูกสาวสั่งซื้อมากินจากแอปพลิเคชัน TikTok เพราะไม่เคยกินของยี่ห้ออื่น แต่สุดท้ายได้มีการตรวจปัสสาวะใหม่พบว่า ไม่พบสารเมทแอมเฟตมีนแต่อย่างใด ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น…

วันที่ 10 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเจ้าหน้าที่เอาหมายศาลของศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุ บริษัท … โดย กรรมการผู้มีอำนาจ ฟ้อง น.ส.บี เป็นจำเลยที่ 1 และแม่ของ น.ส.บี เป็นจำเลยที่ 2 กล่าวหา “ละเมิดเรียกค่าสินไหมทดแทน” เรียกค่าเสียหายรวม 50 ล้านบาท ศาลนัดสืบพยานในวันที่ 31 ก.ค. นี้

แม่ น.ส.บี กล่าวว่า รู้สึกตกใจมากที่ได้รับหมายศาล โดยเฉพาะการเรียกค่าเสียหายถึง 50 ล้านบาท ครอบครัวคงไม่มีปัญญาหามาให้ได้ จริงๆ แล้วครอบครัวต้องการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิสูจน์ความจริง ที่ลูกสาวตรวจปัสสาวะแล้วพบสาร “เมทแอมเฟตามีน” เท่านั้น เพราะลูกสาวเป็นเด็กเรียน ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดใดๆ อยู่กับครอบครัวตลอดเวลา แม้ไปทำงานพิเศษ ยังต้องไปทำงานที่ร้านอาหารเดียวกันที่แม่ทำงานอยู่ ส่วนอาหารเสริมผิวขาว ตนกับลูกสาวไม่เคยเอ่ยชื่อหรือบริษัทที่จำหน่ายแต่อย่างใด ที่ต้องบอกไปเพราะหมอจากโรงพยาบาลเป็นคนซักว่า ได้กินอะไรเข้าไป นำมาสู่การเอาตัวอย่างไปให้หมอดู เพราะลูกสาวกินยาเพียงตัวเดียวเท่านั้น

ตอนนี้ครอบครัวรู้สึกเป็นทุกข์ เพราะไม่มีปัญญาจะไปต่อสู้กับบริษัทได้ ไม่มีแม้เงินจะจ้างทนายความ ทั้งยังต้องหาเงินส่งลูกสาวเรียนอีกด้วย ตอนนี้เป็นห่วงแต่ความรู้สึกของลูกสาว ที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เกรงว่าจะกระทบต่อการเรียน เนื่องจากกลายเป็นจำเลยที่ 1 ไปแล้ว