วันที่ 12 มิ.ย. ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพฯ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เข้าแจ้งข้อหากับ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ ผู้ต้องหาคดีวางยา ฆาตกรรม 15 คดี มีผู้เสียชีวิต 14 ศพ รอดชีวิต 1 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้ นางแอม ถูกแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และปลอมแปลงและทำลายเอกสารหลักฐาน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยว่า วันนี้แจ้งทั้งหมดประมาณ 80 ข้อหา ซึ่งผู้เสียชีวิตแต่ละรายจะมีข้อหาซ้ำกัน อย่างไรก็ตามอัตราโทษถึงขั้นประหารชีวิต เพียงฐานความผิดเดียวก็ถึงขั้นประหารชีวิตแล้ว ไม่จำเป็นว่าต้องแจ้งกี่ข้อหา ทั้งนี้ยังเชื่อว่า นางแอม อาจจะไปรับสารภาพในชั้นศาล เพื่อขอลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต แต่ตราบใดก็ตามที่ศาลยังไม่พิพากษาถึงที่สุด ก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์

ในส่วนของพยานหลักฐานมีเพียงพอในการสั่งฟ้องทุกข้อหา ในคดีนี้ขอชมเชยคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่เร่งรัดจนสามารถสรุปสำนวนได้ ทำให้พนักงานอัยการมีเวลาดูสำนวนได้อีก 3 ฝาก และหลังจากส่งสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว จะไล่ดำเนินคดีผู้ซื้อ ผู้จำหน่ายสารไซยาไนด์ เทรดเดอร์ และเจ้าหน้าที่รัฐ ถ้าพบว่ามีกระทำความผิดของกรมโรงงาน และอีกส่วนหนึ่งคือเว็บพนัน จะมีการดำเนินคดีกับเจ้าของเว็บและผู้เล่นทุกคนเพื่อให้คดีเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการแจ้งข้อหา พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ รองอ๊อฟ อดีตสามี และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณรัตน์ หรือ ทนายพัช ก็จะมีการส่งสำนวนให้อัยการพร้อมกับสำนวนคดีของ นางแอม ภายในสัปดาห์นี้เช่นกัน ทั้งนี้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีทั้ง 7 จังหวัดที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย จ.นครปฐม สมุทรสาคร กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี มุกดาหาร อุดรธานี ได้เดินทางมาเข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนางแอม ในความผิดตามมาตรา 236 ผู้ใดปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ หรือจำหน่าย หรือเสนอขาย สิ่งเช่นว่านั้นเพื่อบุคคลเสพหรือใช้ (ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)

มาตรา 289(6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น (ต้องระวางโทษประหารชีวิต) มาตรา 289(7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ (ต้องระวางโทษประหารชีวิต) มาตรา 339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย (ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท) และความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย โดยรวมทั้งหมด 15 คดี ใน 7 พื้นที่ ประมาณ 80 ข้อหา